บังยี แถลงพาบอลไทยสู่อาชีพ ลั่นคุณภาพดีพอ นั่งนายกฯบอลไทย
อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มั่นใจตนมีดีพอนั่งแท่นต่ออีกสมัย ชี้มีทีมงานที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณภาพ ชูนโยบาย พัฒนาบอลไทย สู่อาชีพ สู่อนาคต ทำงานชัดเจน รวดเร็ว อบอุ่นและเป็นมิตร
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 ตุลาคม ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ "บังยี" วรวีย์ มะกูดี หนึ่งในผู้ลงสมัครท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศฯ พร้อมด้วยทีมงาน ได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงนโยบายและแผนงาน ภายใต้หัวข้อ "พัฒนาบอลไทย สู่อาชีพ สู่อนาคต" ซึ่งก็มีสื่อมวลชนเข้ารับฟังอย่างหนาแน่น
โดยอดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กล่าวถึงความพร้อมครั้งนี้ว่า ตนมั่นใจในทีมงานทุกคน เชื่อว่ามีคุณภาพไม่เป็นรองใคร เพราะทุกคนล้วนแต่ทำงานกับในทีมใหญ่ ซึ่งหากตนได้ดำรงตำแหน่งต่อ
สิ่งแรกเลยที่จะลงมือทำก็คือในเรื่องของทีมชุดซีเกมส์ ซึ่งจะถึงในเร็วนี้ ส่วนหากเป็นในเกมลีก สิ่งที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนและเร็วสุด ก็คือการที่แต่ละสโมสรจะได้เงินอุดหนุนเพิ่มจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
สำหรับนโยบายและแผนงานของ "บังยี" ประกอบไปด้วย 3 หัวข้อใหญ่ดังนี้
1. นโยบายเกี่ยวกับฟุตบอลลีกอาชีพและการแข่งขันต่างๆ ภายในประเทศ
- ส่งเสริมและพัฒนาทุกด้านของการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ไทยพรีเมียร์ลีก, ลีก 1 และ ลีกภูมิภาค ให้เป็นไปตามมาตรฐานของ ฟีฟ่า และ เอเอฟซี โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานการออกใบอนุญาตให้สโมสร (Club Licensing) เป็นหลักในการส่งเสริมพัฒนาและติดตามประเมินผล
- ตั้งเป้าหมายรายได้จากการตลาดและสิทธิประโยชน์ ฤดูกาลแข่งขัน 2557-2559 ปีละ 600 ล้านบาท
- ปรับปรุงปฏิรูปการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ของสมาคมฯ เช่นการแข่งขันเอฟเอคัพ, ลีกคัพ, ลีกสำรอง ตลอดจนการพัฒนาการแข่งขันฟุตบอลสมัครเล่น ถ้วย ข, ค และ ง
- ส่งเสริมและพัฒนาฟุตบอลระดับรากหญ้าและเยาวชน เช่นการให้การศึกษาและพัฒนาฟุตบอลอะคาเดมี่ของสโมสรฟุตบอลอาชีพ และจัดให้มีการแข่งขนระดับเยาวชน ยู-12, ยู-13 และ ยู-14 ซึ่งสนับสนุนโดยรัฐบาล ตลอดจนลีก ยู-16 และลีกสำรองในทีพีแอล
- ชำระและปรับปรุงกฏระเบียบในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก, ลีก 1 และลีกภูมิภาค เช่นข้อกำหนดของนักเตะต่างชาติ ต้องชัดเจนและจะต้องแจ้งล่วงหน้าให้สโมสรในลีกทราบไม่น้อยกว่า 1 ฤดูกาล กฏที่ใช้กับการลงโทษวินัยมารยาทและกฏระเบียบต่างๆ ด้านจริยธรรม
- จัดตั้งโครงการผู้ตัดสินอาชีพ เพื่อทำหน้าที่ในการแข่งขันลีกอาชีพของไทย จัดเตรียมสัญญากฏระเบียบผู้ตัดสินอาชีพของสมาคมฯ ดำริให้เกิดการโอนย้ายและเปลี่ยนผู้ตัดสินอาชีพในอนาคต
- ส่งเสริมให้สโมสรฟุตบอลอาชีพมีสนามฝึกซ้อม และสนามแข่งขันเป็นของตัวเอง สนับสนุนให้มีการพัฒนาสโมสรฟุตบอลให้เข้าสู่ธุรกิจการกีฬาอย่างเต็มรูปแบบ
- ผลักดันให้สโมสรฟุตบอลในไทยลีก ให้ได้โควต้าเพิ่มในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชี่ย (AFC Champions League)
- จัดตั้งที่ทำการถาวรของศูนย์ภูมิภาคทั้ง 6 โดยใช้เป็นศูนย์การพัฒนาฟุตบอลประจำภาค และดำเนินการแข่งขันสู่ลีกภูมิภาค
2. นโยบายด้านทีมชาติ
- จัดตั้งคณะกรรมการวางนโยบายแผนงานและบริหารทีมชาติไทย ซึ่งจะประกอบด้วยสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ และกรรมการที่มาจากสโมสรสมาชิกต่างๆ
- จัดจ้างซีอีโอมาบริหารทีมชาติ เพื่อรับผิดชอบดูแลและประสานงานทีมชาติไทยทุกชุด ตลอดจนการวางแผนการเตรียมทีม การเก็บตัวฝึกซ้อม และทำโปรแกรมการอุ่นเครื่องของทีมชาติทุกชุด
- จัดจ้างผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาระดับรากหญ้าเยาวชน เพื่อรับผิดชอบดูแลการพัฒนาฟุตบอลระดับรากหญ้าและเยาวชนของสมาคมฟุตบอลฯ
- จัดตั้งทีมแมวมอง เพื่อเฟ้นหานักฟุตบอลดาวรุ่งจากทั่วประเทศ
- วางเป้าหมายให้ทีมชาติ u21 และ u23 เป็นทีมชาติแห่งอนาคต มุ่งสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกและโอลิมปิก
3. นโยบายด้านการบริหารและพัฒนาบุคลากร
- จัดหาบุคลากรบริหารมืออาชีพ มาช่วยดูแลบริหารจัดการองค์กรสมาคมฟุตบอลฯ และบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก
- ปรับปรุงและพัฒนาการบริการของสมาคมฟุตบอลฯ และบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ต่อสโมสรสมาชิกให้รวดเร็วและอบอุ่น
- จัดจ้างผู้บริหารมืออาชีพ มาทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค เพื่อดำเนินการวางแผนการให้การศึกษา แบะจัดการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนทั่วประเทศ
- จัดจ้างผู้บริหารมืออาชีพ มาทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายผู้ตัดสิน เพื่อดำเนินการวางแผนให้การศึกษา จัดการฝึกอบรม และทำหน้าที่ดูแลปฏิบัติการด้านธุรการของผู้ตัดสิน ตามการแต่งตั้งและประเมินผลของคณะกรรมการผู้ตัดสินของสมาคมฯ
- จัดการปฏิรูปแลพัฒนาศักยภาพของผู้ตัดสิน โดยการจัดตั้งในรูปแบบคณะกรรมการ
- การส่งเสริมและพัฒนาการศึกษากีฬาฟุตบอล โดยร่วมกับ University of Central Lancashire (Uclan) จัดตั้งวิทยาลัยฟุตบอลในประเทศไทย (Footbal College)
- เสนอต่อภาครัฐให้สมาคมฟุตบอลฯ เป็นองค์กรที่ให้การบริการสาธารณะด้านการศึกษษ และการเข้าถึงกีฬาฟุตบอล