เหลวอีก!ตร.ถกคปท.ย้ายพ้นอุรุพงษ์-ม็อบปักหลักไล่รบ.
ผลเจรจาระหว่าง รอง ผบช.น. กับแกนนำ คปท. ขอคืนพื้นที่ไม่สำเร็จ ขณะมวลชน ลั่นปักหลักชุมนุมแยกอุรุพงษ์ต่อ จนกว่าจะถึงเวลาเคลื่อนบุกทำเนียบรัฐบาล ด้าน กปท. ยื่นฟ้อง ครม. กรณีประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง มิชอบ
พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางเจรจากับ นายอุทัย ยอดมณี แกนนำเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. และ นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เพื่อขอให้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ชุมนุมบริเวณแยกอุรุพงษ์ หลังมีประชาชนหลายรายที่มีบ้านพักอาศัยและเปิดกิจการในบริเวณดังกล่าว เดินทางไปร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ว่าได้รับความเดือนร้อน เช่น การตั้งเต็นท์กีดขวางทางเข้าออก การตั้งรถสุขาจนส่งกลิ่นเหม็น การปราศรัยส่งเสียงดังรบกวน ซึ่งภายหลังการใช้เวลาเจรจาประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งแกนนำผู้ชุมนุมได้ยืนยันปักหลักชุมนุมในพื้นที่ต่อไป โดยระบุว่า การชุมนุมในครั้งนี้ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย และเรียกร้องแทนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เดือดร้อนจากนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้จากการสอบถามชาวบ้านในบริเวณพื้นที่การชุมนุม พบว่า ชาวบ้านยินดีที่จะรับฟังการปราศรัยเพื่อรับรู้ความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนการจราจรก็ยังคงใช้ได้ตามปกติ ไม่ได้ติดขัดตามที่เป็นข่าว พร้อมยืนยันว่า การชุมนุมครั้งนี้ชุมนุมด้วยความสงบและปราศจากอาวุธ พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุมด้วย
อย่างไรก็ตาม นายอุทัย ยืนยันว่า การออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมืองใด แต่ก็จะทำเพื่อพี่น้องประชาชน
คปท.ขู่หาก ตร.คืนพื้นที่ปิดถนนข้างทำเนียบแน่
นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเจรจาเพื่อคืนพื้นที่ครั้งที่ 2 เนื่องจากมีประชาชนได้รับความเดือนร้อนจากการชุมนุม ว่า ทาง คปท. ได้มีการสอบถามชาวบ้านในบริเวณพื้นที่การชุมนุม พบว่าชาวบ้านยินดีที่จะรับฟังการปราศรัยเพื่อรับรู้ความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งการจราจรก็ยังคงใช้ได้ตามปกติ ไม่ได้ติดขัดตามที่เป็นข่าว ตนจึงเสนอทางออกโดยจะทำหนังสือถึงสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้มาช่วยสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ว่าได้รับผลกระทบจากการชุมนุมจริงหรือไม่ และหากจำเป็นต้องย้ายสถานที่ชุมนุมหรือมีการพยายามกดดันให้ย้ายพื้นที่ชุมนุม คปท.จะขอเข้าไปชุมนุมที่พื้นที่ถนนพระราม 5 และถนนนครปฐม ข้างทำเนียบรัฐบาล ประตู 1 และประตู 2 และเปิดเวทีปราศรัยตั้งแต่เวลา 17.00 - 24.00 น. เพราะเป็นสถานที่ และเวลาที่ไม่สร้างผลกระทบหรือความเดือดร้อนให้ใคร เนื่องจากเป็นถนนที่ไม่ได้ใช้สัญจรหลักตามปกติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเจรจา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พญาไท ได้นำหนังสือร้องเรียนกรณีที่มีประชาชนมาร้องทุกข์ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุม มาแจ้งให้แกนนำทราบ แต่แกนนำไม่มีใครอยู่ในพื้นที่ชุมนุม จึงเดินทางกลับก่อนจะมาอีกครั้งในเวลา 20.00 น.
ชาวบ้านร้องตร.ม็อบคปท.กระทบการใช้ชีวิต
ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน จากการชุมนุมของ กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จำนวน 13 ราย เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ให้ดำเนินคดีกับกลุ่ม คปท. เนื่องจากได้รับความเดือนร้อน อาทิ การตั้งเต็นท์ที่พัก และใช้รถยนต์บบรรทุก 6 ล้อ กีดขวางทางเข้า-ออก ตั้งรถสุขาจนส่งกลิ่นเหม็น และน้ำจากรุสุขาไหลนองพื้นถนน ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการลดลง และปราศัย ร้องเพลง โดยใช้เครื่องขยายเสียงส่งเสียงดังรบกวน จึงต้องการให้ย้ายออกจากบริเวณดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไท กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำและลงบันทึก ว่า ชาวบ้านได้รับผลกระทบในเรื่องใดบ้าง หลังจากนั้น จะรวบรวมรายละเอียดและทำหนังสือไปยังทางแกนนำกลุ่ม คปท. เพื่อให้พิจารณาย้ายพื้นที่ชุมนุมต่อไป
ทั้งนี้ การแจ้งความในเรื่องดังกล่าว มีชาวบ้านทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง
กปท.ยื่นฟ้องครม.ออกพ.ร.บ.มั่นคงมิชอบ
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และ นายระวี มาศฉมาดล ผู้ประสานงานกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท. ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คณะรัฐมนตรี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในความผิดฐานกระทำความผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิการชุมนุม กรณีออกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ระหว่างวันที่ 9 - 18 ตุลาคม 2556 ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และเป็นการละเมิดสิทธิ ขอให้ศาลเพิกถอนประกาศเรื่องพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพิกถอนประกาศที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพิกถอนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคง และขอให้ศาลเพิกถอนประกาศของ ศอ.รส.เรื่องห้ามบุคคลเข้าออกพื้นที่และเรื่องห้ามใช้เส้นทางคมนาคมทั้งนี้ศาลได้รับคำฟ้องดังกล่าวไว้ และนัดพร้อมคู่ความ ในวันที่ 23 ธันวาคม นี้ เวลา 09.00 น.
--------------------------------------------------------------------------
ม็อบคปท.ยังไม่คิดกลับทำเนียบ - ตร. ตรวจเข้มพท.มั่นคง
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=487348