คลองแสนแสบน้ำขึ้นสูง-นายกฯลงพท.คลองข้าวเม่า
นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่อยุธยา-นนทบุรี ติดตามสถานการณ์น้ำ ขณะ กทม.เร่งระบายน้ำหลังฝนตกหนัก 2 วัน งดเดินเรือคลองแสนแสบผ่านฟ้าถึงประตูน้ำ ไม่มีกำหนด ด้าน ขณะ พายุนารี น้ำท่วมถนนโคราช-โชคชัย,เมืองชลจม 200หลัง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรัฐมนตรี เดินทางด้วยขบวนรถยนต์ไปยังประตูระบายน้ำคลองข้าวเม่า ข้างวัดกระสัง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจประตูระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมเขตเศรษฐกิจ โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สรุปสถานการณ์ปริมาณน้ำ และผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สรุปภาพรวมการป้องกันพื้นที่เขตเศรษฐกิจในจังหวัด โดย นายกรัฐมนตรี สั่งกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เร่งให้การเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัย และได้ให้มีการแบ่งพื้นที่เป็นโซนแยกการฟื้นฟูเยียวยาบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร โดยให้เร่งฟื้นฟูเยียวยา พร้อมทั้งมอบหมายให้ทาง กบอ.ขุดลอกท่อระบายน้ำและสร้างพนังกั้นน้ำกว่า 20 ตำบล ใน 5 อำเภอ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อป้องกันน้ำท่วมอย่างถาวรโดยรอบพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังวัดป่าโค ต.บ้านเกาะ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพบให้กำลังใจประชาชนและมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยริมคลองบ้านม้า กว่า 400 คน ที่รอรับถุงยังชีพ และต้อนรับนายกรับมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีจำนวนมาก
นายกฯลงพื้นที่นนทบุรี มั่นใจรับน้ำได้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะเดินทางมาถึงวัดชัยสิทธาวาส อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยมี นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำ ว่า ระดับน้ำ ในปีนี้ปริมาณไม่มากเช่นปีที่ผ่านๆ มา โดยรู้สึกมั่นใจว่าจะรองรับสถานการณ์ได้ เนื่องจากคันกั้นน้ำที่สามารถรับน้ำได้สูง ที่ 3.50 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ปีนี้ล่าสุดวัดระดับน้ำได้ 2.79 เมตร ซึ่งยังรองรับปริมาณน้ำได้อีกมาก ขณะที่ได้มีการเตรียมกระสอบทรายกว่า 1 แสนกระสอบไว้ เพื่อสร้างคันป้องกันน้ำ รวมถึงจะสูบน้ำออกลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะได้ลงเรือจากวัดชัยสิทธาวาส ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจและติดตามปริมาณน้ำ รวมถึงสำรวจความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ไปยังวัดไผ่ล้อม อ.เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นระยะทางเกือบ 20 กิโลเมตร เพื่อรับฟัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี สรุปสถานการณ์น้ำ ซึ่งจุดนี้มีระดับน้ำสูงประมาณ 20 ซ.ม. และได้พบปะประชาชนพร้อมมอบถุงยังชีพที่ท่าน้ำปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนจะเดินทางกลับ
กทม.เร่งระบายน้ำหลังฝนตกหนัก 2 วัน
นายสัญญา ชีนิมิตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งระบายน้ำในคลองต่างๆ เพื่อรองรับน้ำที่ท่วมขังจากพื้นผิวถนน ทั้งนี้การระบายนั้น เป็นไปค่อนข้างยากและระบายได้ช้า เนื่องจาก 1-2 วันนี้ มีปริมาณน้ำฝนมากทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการระบายน้ำให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการหยุดการเดินเรือในคลองแสนแสบนั้น มีการหยุดเรือบางส่วน ตั้งแต่เมื่อช่วงเวลา 15.00 น. ของเมื่อวาน และวันนี้ได้หยุดการเดินเรือทุกเส้นทางทั้งหมด โดยไม่มีกำหนด จนกว่าปริมาณน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้าน นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ขณะนี้ บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) ผู้ให้บริการเรือคลองแสนแสบ ได้ประกาศหยุดให้บริการตั้งแต่ท่าเรือสะพานผ่านฟ้า ถึงท่าเรือประตูน้ำ เนื่องจาก 2 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองแสนแสบ เพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ และเจ้าหน้าที่ระบายน้ำไม่ทัน ทำให้เรือที่ให้บริการในคลองแสนแสบ ไม่สามารถเดินเรือได้ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและลดผลกระทบต่อสิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 ฝั่งคลอง บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จึงประกาศหยุดให้บริการ เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำวันต่อวัน และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเปิดให้บริการเมื่อใด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งระบายน้ำในคลองแสนแสบ เพื่อให้ระดับน้ำเข้าสู่ระดับปกติ จะสามารถเดินเรือให้บริการแก่ประชาชนได้ พร้อมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติงานอย่างระมัดระวังที่สุด
พายุนารีพ่นพิษถนนโคราช-โชคชัยจม
อิทธิพลของพายุนารี ซึ่งอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เป็นวันที่ 2 และทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณถนนราชสีมา-โชคชัย ได้มีน้ำไหลหลากมาจากพื้นที่ อ.ปักธงชัย เข้าท่วมพื้นถนนระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 26-27 อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร โดยระดับน้ำสูงกว่า 80 เซนติเมตร
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย ต้องปิดการจราจร 1 เส้นทาง ขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมา โดยให้ใช้ทางเลี่ยงไปที่ถนนสาย 24 ปักธงชัยแทน จึงทำให้เกิดการจราจรติดขัดยาวกว่า 5 กิโลเมตร พร้อมกันนี้ ทางสำนักงานแขวงการทางนครราชสีมาที่ 1 ก็ได้นำรถแบคโฮมาทำขุดทำลายเกาะกลางถนน เพื่อเปิดทางน้ำให้ระบายลงไปอีกฟากของถนน ซึ่งคาดว่า จะสามารถระบายน้ำให้ลดลงสู่สภาวะปกติได้ภายใน 2-3 วันนี้
พายุนารีซัดหมู่บ้านกกลางเมืองชลจมน้ำ 200 หลัง
จากผลกระทบของพายุนารีที่พัดผ่านเข้าประเทศไทย ก่อให้เกิดฝนตกหนักในเขตจังหวัดภาคตะวันออก โดยเฉพาะ
จ.ชลบุรี ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำเอ่อท้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ในหมู่บ้านการเคหะ ม.2 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี
รวมกว่า 200 หลังคาเรือน ความสูงน้ำอยู่ที่ 50 เซนติเมตร ประชาชนหลายครอบครัวต้องเร่งนำกระสอบทรายกั้นน้ำ
เข้าบ้าน และเก็บของขึ้นที่สูง บางส่วนต้องยอมเดินลุยน้ำเพื่อออกมาซื้ออาหารรับประทานและกักตุนไว้ เพราะไม่ทราบว่าปริมาณน้ำจะลดลงเมื่อใด เนื่องจากน้ำที่ไหลเข้าท่วมหมู่บ้านนั้น มาจากคลองชลประทานของการประปาส่วนภูมิภาค ที่สร้างขนานคู่กับถนนของหมู่บ้าน เมื่อฝนตกอย่างหนัก และน้ำจากหลายพื้นที่ถูกระบายลงคลองชลประทาน น้ำจึงเอ่อล้นจากคลองเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้าน ประกอบกับท่อระบายน้ำของหมู่บ้านไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน จึงเกิดน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว และจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า มวลน้ำที่เอ่อท้นเข้าท่วมยังไม่มีทีท่าว่าจะลดปริมาณลงแต่อย่างใด ประชาชนต้องอาศัยอยู่แต่ภายในบ้าน ไม่สามารถออกมาได้ ทางเทศบาลตำบลเสม็ด จึงประกาศเสียงตามสาย ให้ชาวบ้านในหมู่บ้านการเคหะที่มีรถกระบะ และสามารถออกจากบ้านได้ ให้ออกมารับกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วมภายในบ้าน โดยจัดไว้ให้หลังละ 10 กระสอบ
นายกฯ ลงพื้นที่สามโคก ตรวจสถานการณ์น้ำ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปตรวจราชการ และมอบสิ่งของ
ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย จ.พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี และปทุมธานี โดยในเวลา 15.30 น. นายกรัฐมนตรี ได้มาตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่วัดชัยสิทธาวาส ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยได้มี นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี สรุปสถานการณ์ปริมาณน้ำ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จำนวน 250 ชุด จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ลงนั่งเรือจากท่าน้ำวัดชัยสิทธาวาสเดินทางต่อไป ท่าน้ำปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อนั่งเรือไปวัดปรมัยยิกาวาส เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำท่วมต่อไป
ชาวนา งดเกี่ยวข้าวความชื้นสูงราคาลด
นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม หรือ “เจ๊หนิง” ประธานชมรมโรงสีข้าวพิจิตร เปิดเผยถึงผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำ
กำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุ “นารี” ได้อ่อนกำลังลงอีกและเข้าปกคลุมเขตภาคเหนือ ซึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตร ก็ได้รับผลกระทบจากพายุนารีนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักเกือบทุกพื้นที่ ซึ่งส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกของเกษตรกร ที่จะนำมาเข้าโครงการับจำนำข้าว ซึ่งขณะนี้ โรงสีทั้ง 31 แห่ง ก็เปิดรับจำนำข้าวตามปกติ แต่วันนี้ปริมาณข้าวเปลือกที่ขนเข้ามาจำนำตามโรงสีต่างๆ มีน้อยมาก
อีกทั้ง ข้าวเปลือกที่นำมาจำนำก็มีความชื้นสูงเกิน 30% ซึ่งมีผลในการตีราคารับจำนำจะได้ราคาต่ำกว่าตันละ 10,000
บาท ดังนั้น ในช่วงที่มีพายุฝน จึงขอแนะนำให้ชาวนาหยุดการเก็บเกี่ยวทิ้งระยะเวลาอีกสัก 3-4 วัน ให้รวงข้าวถูกแดดเพื่อลดความชื้นให้อยู่ต่ำกว่า 25% ซึ่งจะมีผลดีต่อการจำนำข้าวและจะได้ราคาสูงกว่า 10,000 บาท หรือได้ราคาใกล้เคียง 15,000 ได้อย่างแน่นอน
นิคมอมตะ เร่งระบายน้ำออกทะเล
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) เปิดเผยถึง การจัดการบริหารน้ำที่กำลังท่วมขังในนิคมฯ อมตะนคร ว่า ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการบริหารจัดการน้ำและการจราจรอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งแผนการดำเนินการออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำที่ท่วมขังอยู่ในพื้นผิวการจราจรบริเวณเฟส 1-3 และเฟส 7-9 โดยการเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกงที่เชื่อมต่อกับสู่ทะเลต่อไป ด้วยเครื่องสูบน้ำจำนวน 70 เครื่อง พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ จำนวน 28 เครื่อง ซึ่งปัจจุบันยังคงเร่งระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรับมือกับมวลน้ำที่กำลังไหลลงมาจาก อ.พนัสนิคม สำหรับเฟส 9 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีโรงงานตั้งอยู่ จึงเปิดให้เป็นพื้นที่แก้มลิงชั่วคราว และค่อยๆ ระบายออกตามลำดับ
ส่วนด้านการจราจรนิคมฯ อมตะนคร ได้เร่งประชาสัมพันธ์การใช้เส้นทางลัดเพื่อเข้า-ออกนิคมฯ ซึ่งสามารถเข้าออกได้อีกกว่า 20 เส้นทาง ในส่วนของการดูแลผู้ประกอบการภายในนิคมฯ อมตะนคร ได้มีการแจ้งข้อมูลข่าวสารเพื่อการเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำทุก 1 ชั่วโมง และบริการกระสอบทรายสำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่พื้นที่ต่ำ และเครื่องสูบน้ำกรณีมีน้ำขังภายในโรงงานเนื่องจากฝนตกหนัก และการดูแลชุมชนโดยรอบนิคมฯ ได้มีการจัดถุงยังชีพประกอบด้วยข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
โกดังเก็บข้าวรัฐบาลจมบาดาลกว่า 2 เมตร
จากอิทธิพลของพายุนารี ทำให้โกดังเก็บข้าวแสงอยุธยา เลขที่ 259/1 หมู่ที่ 12 ถนนราชสีมา-โชคชัย ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลได้ถูกน้ำท่วมระดับน้ำลึกกว่า 2 เมตร ส่งผลให้ตัวโกดังเก็บข้าว รถบรรทุก 10 ล้อ จำนวน 5 คัน ตัวอาคารสำนักงาน บ้านพักพนักงาน และเครื่องอบข้าวจมน้ำทั้งหมด โดย นายพจศิริ ดีเย็น เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้านครราชสีมา ได้เดินทางมาตรวจสอบ พร้อมกล่าวว่า โกดังแห่งนี้เก็บข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลปี 2555/2556 ซึ่งมีจำนวนกว่า 2 แสนกระสอบ แต่มีการจำหน่ายไปบ้างแล้วเหลือประมาณ 120,000 กระสอบ หรือประมาณ 12,000 ตัน ซึ่งเมื่อวานทางเจ้าหน้าที่ของโกดัง ก็พยายามนำกระสอบทรายมากั้นไว้รอบตัวโกดังสูงกว่า 2 เมตร แต่ปรากฏว่า เช้าวันนี้น้ำได้พังกระสอบทรายทะลักเข้าท่วมโกดังข้าวทั้งหมด โดยหลังจากนี้ต้องรอให้ระดับน้ำลดลงก่อน เพื่อเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งว่าจะเสียหายมากน้อยเพียงใด ซึ่งโกดังแห่งนี้ ก็ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัท ทิพยประกันภัย ดังนั้น ค่าความเสียหายทั้งหมดต้องรอให้ทางบริษัทประกันภัย เป็นผู้ประเมินอีกครั้ง ส่วนเรื่องการจะใช้โกดังแห่งนี้เก็บข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาลต่อหรือไม่ ต้องกลับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะป้องกันได้
น้ำบางประกง-พายุนารี ตัดขาดทางหลวงแผ่นดิน2เส้นทาง
จากกรณีมวลน้ำจาก จ.ปราจีนบุรี ปริมาณมาก กำลังไหลออกลงสู่ทะเลผ่านมาทางลำน้ำบางปะกงในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ขณะเดียวกัน ยังมีพายุใต้ฝุ่นนารี พัดพาฝนมาตกถล่มใส่ซ้ำเติมลง ประกอบกับได้เกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูง จึงส่งผลทำให้มีน้ำไหลเอ่อล้นไปยังนอกลำน้ำบางปะกงจำนวนมาก จนทำให้เกิดการตัดขาดเส้นทางบนถนนทางหลวงแผ่นดินสายสำคัญถึง 2 เส้นทาง คือ ทางหลวงหมายเลข 3001 บางน้ำเปรี้ยว-องครักษ์ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และนครนายก โดยมีน้ำท่วมขังในเส้นทางสูงถึงระดับ 50-70 ซม. จนทำให้รถเล็กไม่สามารถขับผ่านเส้นทางไปได้
ขณะเดียวกัน บนถนนทางหลวงหมายเลข 315 ฉะเชิงเทรา-พนัสนิคม (ถนนศุขประยูร) ได้มีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบนพื้นผิวการจราจรเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่รอยต่อกับ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ได้ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 60-70 ซม. แล้ว
ส่วนสภาพน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ระดับน้ำบางปะกงยังคงหนุนสูง และไหลล้นบ่าเข้าท่วมย่านเศรษฐกิจ ย่านการค้า ในเขตชุมชนเมือง ที่ระดับความสูง 40-50 ซม. และมีบางจุดมีน้ำลึกมากถึง 60-70 ซม. ซึ่งระดับน้ำในปีนี้นั้น มีระดับท่วมสูงมากกว่าเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะท่วมสูงมากกว่านี้อีกด้วย
นารีพ่นพิษลำปางอุตุคาดจะทำให้อากาศเย็นลง
นายทิวา พันธ์ไม้สี หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง เปิดเผยว่า พื้นที่ จ.ลำปาง กว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ ได้เกิดมี
ฝนตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ซึ่งเป็นลักษณะฝนตกกระจายอันเนื่องมาจากหย่อมความกดอากาศ
ต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังจากพายุนารี ได้อ่อนกำลังลงอีก จึงทำให้ ภาคเหนือ รวมถึง จ.ลำปาง เกิดมีฝนตกลงมา
ดังนั้น ในวันนี้ท้องฟ้าเหนือพื้นที่ จ.ลำปาง มีความกดอากาศที่เต็มไปด้วยกลุ่มเมฆฝนปกคลุมหนาแน่น จนไม่มีแสง
แดดส่องลงมา และมีฝนตกประปรายอยู่ตลอดเวลา ทางสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง ซึ่งคาดการณ์สภาพอากาศไว้ว่า
จากฝนที่ตกลงมานี้จะทำให้พื้นที่ จ.ลำปาง ทั้ง 13 อำเภอ เกิดเย็นลงอีก 2 - 3 องศาเซลเซียส อย่างแน่นอน โดย
เฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่จะเริ่มขยับเข้าฤดูหนาวในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2556 นี้จะทำให้พื้นที่
มีอากาศที่เย็นลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยขณะนี้ บริเวณพื้นราบทั่วไปอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 19 - 21 อง
ศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดเขา และในหุบเขา เริ่มหนาวเย็นแล้วอุณหภูมิต่ำกว่า 19 องศาเซลเซียส