เลขาสภาทนายไม่รู้เสริมขอใบอนุญาตว่าความ
เลขาฯ สภาทนายความ ลั่น ไม่ทราบ อดีตผู้ต้องขังฆ่าแฟนสาวเมื่อปี 44 ขอรับใบอนุญาตว่าความ ระบุ คุณสมบัติต้องพ้นโทษ 5 ปี ชี้ ตั้ง คกก. สอบ - ไม่ปิดกั้นโอกาส
นายนิวัติ แก้วล้วน เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีที่ นายไชยา ตันทกานนท์ อายุ 37 ปี หรือ นายเสริม สาครราษฎร์ อดีตผู้ต้องขังเด็ดขาดโทษประหารชีวิต แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ในคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี นักเรียนแพทย์วชิรพยาบาล เมื่อปี 2544 และเพิ่งพ้นโทษออกมา เมื่อเดือนธันวาคม 2555 ไปสมัครสอบขอรับใบอนุญาตว่าความของสภาทนายความ ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ตามข้อบังคับของสภาทนายความ บุคคลที่ต้องโทษและคดีมีคำพิพากษาจำคุกถึงที่สุด หากมาสมัครเป็นทนายความนั้น จะต้องได้รับการพ้นโทษมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี พร้อมทั้ง จะต้องดูรายละเอียดในคดีว่าเป็นคดีที่ร้ายแรงหรือไม่ และทำให้อาชีพทนายความเกิดความเสื่อมเสียหรือไม่ ซึ่งในส่วนของ นายเสริม ตนยังไม่พบว่ามีรายชื่อขอใบอนุญาตว่าความของสภาทนายความ เนื่องจาก ขั้นตอนการขอจะต้องผ่านการสอบภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ สอบปากเปล่า และอบรมจริยธรรมอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ถึงจะครบหลักสูตรและได้ใบประกาศนียบัตร รวมทั้งจะต้องเป็นสมาชิกวิสามัญเนติ
บัณฑิตด้วย ถึงจะสามารถยื่นเรื่องสมัครขอรับใบว่าความของสภาทนายความได้
ทั้งนี้ นายนิวัติ กล่าวอีกว่า จากการพิจารณาจากคุณสมบัติของ นายเสริม เบื้องต้นนั้นทราบว่า ยังพ้นโทษไม่ครบ 5 ปี ซึ่งตามระเบียบผู้ที่สมัครเป็นทนาย จะต้องไม่เคยถูกศาลพิพากษาจำคุกให้คดีถึงที่สุด ยกเว้นในคดีลหุโทษ หรือคดีกระทำโดยประมาท แต่หากต้องโทษในคดีอุจฉกรรจ์ เช่น จ้างวานฆ่า หรือฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือถูกให้ออกจากราชการเนื่องจากทุจริตต่อหน้าที่นั้น จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า พฤติการณ์ในคดีเป็นอย่างไร เพื่อพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ สำหรับกรณีของ นายเสริม ทางสภาทนายความก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาส ซึ่ง นายเสริม สามารถไปสอบขอรับใบประกาศนียบัตรได้ แต่ตนไม่ทราบว่า นายเสริม ผ่านขั้นตอนใดแล้ว