ล้อได้ล้อไป

ฟุตบอล : ครั้งนี้ผู้เขียนใคร่ขอมีปฏิสัมพันธ์กับท่านผู้อ่านกันบ้าง ผู้เขียนมีคำถามว่าหากให้นึกถึงนักฟุตบอลที่ชอบปล่อยไก่ทั้งเล้าเวลาเตะบอลท่านจะนึกถึงใคร เวลาที่ได้บอล ใครกันที่ทำให้ท่านอดขำไม่ไหว ผู้เขียนขอถือวิสาสะเดาเอาว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส ต้องอยู่ในนั้นแน่นอน

ใครจะนึกถึง ตอร์เรส ก็ไม่แปลกเพราะนักฟุตบอลคนนี้มีความสามารถพิเศษในการยิง "ออก" มากกว่ายิง "เข้า" ราวกับว่าชาติปางก่อนเคยเกิดเป็นกองหลังเห็นบอลอยู่หน้าประตูเป็นไม่ได้ต้องรีบเคลียร์ออกหลังให้ไว จนทำให้ภาพเหล่านี้ติดตาแฟนบอลทุกคนไปทันที

แต่คำถามคือ ตอร์เรส กลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร เพราะถ้าหากย้อนอดีตกีฬาดังกลับไปเมื่อประมาณ 6 ปีก่อนที่ ตอร์เรส ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาร่วมทัพหงส์แดง ตามคำเชิญของกุนซือหน้าหนวดอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ เจ้าตัวกลับสามารถเขย่าวงการฟุตบอลอังกฤษให้ได้ตื่นตัวกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะกองหลังที่ต้องหวาดผวาขาสั่นกันทุกครั้งยามต้องดวลเดี่ยวกับ ตอร์เรส รวมทั้งเหล่าผู้รักษาประตูทั้งหลายที่รู้ตัวดีว่าถ้าตัวต่อตัวละก็ ให้กรรมการนับเป็นประตูไปเลยก็ได้ ไม่ต้องยิงยังได้เพราะยังไงก็เข้า

 

ช่วงเวลาที่ค้าแข้งอยู่กับ ลิเวอร์พูล ตอร์เรส คือหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมีทั้งความเร็ว เทคนิคอันร้ายกาจ ไปกับบอลได้ดี และที่สำคัญคมกริบยิ่งกว่ามีดสปาต้าเสียอีก ทำให้ผู้เขียนต้องขอสารภาพว่าชื่นชอบหัวหอกหน้าสวยคนนี้เข้าเต็มเปา โดยเฉพาะจังหวะที่พี่แกชอบกระชากหนีกองหลังหรือผู้รักษาประตูเข้าไปยิงเองคนเดียว พูดง่ายๆคือ ตอร์เรส เป็นกองหน้าที่ดูแลตัวเองได้ รู้จักอดทนกับความเหงา ยอมให้เพื่อนทิ้งไว้ข้างหน้าคนเดียวก็พอ เพราะสุดท้ายแล้ว ตอร์เรส คนเดียวก็ทำกองหลังฝ่ายตรงข้ามแตกกระเจิงมานับต่อนับแล้ว ไร้ที่ติจริงๆสำหรับเพชรฆาตคนนี้

แต่! แน่นอนว่าต้องมีแต่ เพราะเรื่องดีๆมักมาพร้อมกับเรื่องร้าย ดังเช่นที่ทุกสิ่งบนโลกนี้ย่อมมีราคาในตัวมันเอง ถึง ตอร์เรส จะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็มิอาจหลีกหนีข้อจำกัดของความเป็นมนุษย์ไปได้ เพราะนอกจากจะเก่งในเรื่องยิงประตูแล้ว ตอร์เรส ยังเจ็บเก่งจนสามารถเอาโล่ไปนอนกอดได้อย่างสบาย เพราะในแต่ละฤดูกาล ตอร์เรส ต้องพลาดลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ไปนับครั้งไม่ถ้วนเพราะอาการบาดเจ็บ เจ็บมันทุกที่จนยากจะหาส่วนที่ ตอร์เรส ยังไม่เคยเจ็บ

แต่ถึงจะเจ็บแต่ ตอร์เรส ก็ยังคงรักษามาตรฐานฟอร์มของตัวเองเอาไว้ได้ตลอด ไม่เคยขาดตกบกพร่องเลย จนในที่สุด เสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช ก็อดรนทนไม่ไหวหลังจากเห็นฟอร์มของ ตอร์เรส เข้า มือไม้ของพี่แกจึงรู้สึกคันๆอยากควักเงินกองเท่าบ้านออกมาฟาดหัวทีมคู่แข่ง จนในที่สุด เชลซี ก็สร้างความฮือฮาให้กับฟุตบอลอังกฤษอีกครั้งโดยการทุ่มเงิน 50 ล้านปอนด์ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของพรีเมียร์ลีก เป็นค่าตัวของ ตอร์เรส ให้เจ้าตัวย้ายฝั่งมาอยู่มุมน้ำเงินแทน

แต่ทว่า นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมสิงโตพันล้านนี้ ตอร์เรส ต้องใช้เวลาถึง 903 นาทีกว่าจะยิงเปิดซิงประตูแรกของตัวเองให้กับต้นสังกัดใหม่ได้ ณ จุดนี้ผู้เขียนแทบช็อคเพราะกำลังสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้น มนุษย์ต่างดาวดวงไหนกันที่บินมาลักพาตัววิญญาณเพชรฆาตของ ตอร์เรส ไปจนสิ้น จนกระทั่งจบฤดูกาล 2010-2011 ตอร์เรส ลงสนามให้ เชลซี ไป 18 เกมแต่ยิงได้ลูกเดียว คุ้มเลยลูกละ 50 ล้าน

จนที่ในสุด ตอร์เรส มาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวอีกครั้งในเกมที่ เชลซี บุกไปแพ้ แมนฯยูฯ 3-1 ถึงจุดนี้ผู้เขียนตั้งสมมติฐานว่าท่านผู้อ่านทุกท่านคงระลึกถึงเกมนี้ได้ไม่ยากเพราะ ตอร์เรส ได้สร้างตำนานจนเป็นที่กล่าวขานแก่คนรุ่นหลังจนมาถึงทุกวันนี้หลังจากอุตส่าห์สับขาหลอก เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ นายทวารของผีแดงเพื่อหลุดไปดวลเดี่ยวกับเสาโกล์โล่งๆ ชนิดที่ว่าเลี้ยงเข้ายังได้ แต่ปรากฎว่า พี่แกยิงออก!! เงิบกันทั้งสนามเลยครับท่านผู้ชม เพราะใครจะเชื่อว่านักเตะระดับ ตอร์เรส จะพลาดเรื่องกล้วยๆทั้งสวนแบบนี้ไปได้

และวินาทีนั้นเอง ตอร์เรส ก็ได้เปลี่ยนตัวเองจากเพชรฆาตที่ทุกคนต้องขยาดกลายเป็นตัวตลกที่ทุกคนต่างขำกลิ้ง ทุกอย่างกลับตาลปัตร จากหน้ามือเป็นหลัง... ไปหมด จากความเฉียบขาดที่เคยมีกับ ลิเวอร์พูล พอมาอยู่ เชลซี เหมือนตรงกันข้ามกันหมด คือยิงให้ตายยังไงก็ยิงไม่เข้า ขนาดจ่อแล้วจ่ออีกก็ยังพลาดไปดื้อๆจนเริ่มดูเหมือนไปช่วยกองหลังฝ่ายตรงข้ามเคลียร์บอลทิ้งมากกว่า

(จังหวะทำหมูหกในตำนานของ ตอร์เรส)

ทุกวันนี้เวลาที่ ตอร์เรส ได้บอลหลุดเข้าไปยิงประตูทีไร ทุกคนจะเดาเอาไว้ก่อนเลยว่า "พลาดแน่ๆ" พร้อมตั้งท่าเตรียมฮากร๊ากเป็นการกระทืบซ้ำ ถึงขนาดที่ว่าแฟนบอลในต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการอ่านเขียนได้บัญญัติศัพท์ใหม่กันขึ้นมา โดยการนิยามจังหวะการยิงจ่อๆแล้วพลาด หรือ ทำหมูหกหน้าประตูเอาไว้ว่า "Torres" ไปแล้ว ฉะนั้นภาษาอังกฤษวันละคำ วันนี้เราขอเสนอคำว่า Torres แปลว่า หมูหก ยกตัวอย่างเช่นในเกมนัดล่าสุดที่ ตอร์เรส ลงเจอกับ แมนฯซิตี้ แล้วพี่แกหลุดเดี่ยวไปยิงข้ามคาน เราก็จะแต่งประโยคภาษาอังกฤษนี้ได้ว่า "Torres did torres."

ถึงแม้ว่า ตอร์เรส จะกลายเป็นตัวตลกของวงการฟุตบอลไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ใช่ว่าเจ้าตัวจะไม่พยายาม หรือไม่เอาแต่นั่งกอดเข่ายอมรับชะตากรรม เพราะในช่วงหลัง ตอร์เรส ก็สามารถยิงประตูให้ เชลซี ได้มากขึ้นและที่สำคัญแต่ละลูกที่ยิงได้ล้วนมีส่วนให้ทีมเก็บชัยชนะมาได้ทั้งสิ้น หรือประมาณว่าลูกธรรมดาที่ไม่มีความหมายอะไร พี่แกจะไม่ยิง เพราะถ้าต้องยิงขึ้นมาทีมต้องเป็นแชมป์ไปเลย

และถ้าหากใครยังจำได้ในฤดูกาล 2011-2012 ตอร์เรส ผู้นี้นี่แหละที่ยิงประตูตอกฝาโลงใส่ บาร์เซโลน่า ในรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนที่ เชลซี จะเข้ารอบชิงฯไปคว้าแชมป์เป็นสมัยแรกของสโมสรได้สำเร็จ เห็นมั้ยครับว่าไม่จำเป็นต้องยิงถล่มทลายแบบ เมสซี่ หรือ โรนัลโด้ ขอแค่ยิงประตูได้ลูกเดียวแต่ถูกที่ถูกเวลาก็เพียงพอแล้ว

และล่าสุดก็เป็น ตอร์เรส อีกแล้วที่เป็นคนยิงประตูพิชิต แมนฯซิตี้ มาได้ในนาทีสุดท้ายหลังจากได้รับการโหม่งชงอย่างสุดสวยจาก มาติย่า นาสตาซิช ที่เป็นกองหลังของทีมเรือใบหมื่นล้าน และตลอดทั้งเกมนี้ ตอร์เรส ก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ใช่กองหน้าไร้ประโยชน์ที่มีดีแค่ยิงออกหลัง เพราะเจ้าตัววิ่งพล่านไปทั่วแผงกองหลังคู่ต่อสู้ และจากประตูส้มหล่นนี้ก็ทำเอาบรรดากองแช่งเงียบกริบกันไป

แต่มีจังหวะหนึ่งที่ ตอร์เรส ทำให้ผู้เขียนต้องขนลุกชูชันขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ ในเกมที่ เชลซี เอาชนะ ชาร์ลเก้ ไป 3-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีก เพราะลูกที่สองที่เจ้าตัวยิงให้ทีมได้นั้นเป็นการหลุดไปดวลเดี่ยวกับนายทวาร แต่เจ้าตัวกลับเลือกกระชากหนีแล้วยิงเข้าไปอย่างเลือดเย็น ปิ๊ง!! เหมือนมีภาวะเดจาวู ผู้เขียนรู้สึกคุ้นตาภาพแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก จะคุ้นก็ไม่แปลกเพราะลีลาแบบนี้แหละที่ ตอร์เรส เคยสำแดงเดชออกมาบ่อยครั้งเมื่อครั้นรุ่งเรืองกับ ลิเวอร์พูล ฉะนั้นผู้เขียนเชื่อว่า ตอร์เรส คนเดิมใกล้กลับมาแล้วแน่นอน

แต่ถึงกระนั้นต่อให้ ตอร์เรส ยิงประตูได้มากแค่ไหน เจ้าตัวก็ไม่อาจลบภาพความเป็นตัวตลกของเหล่าแฟนบอลออกไปได้แล้ว ซึ่งผู้เขียนก็สงสัยเช่นกันว่า ตอร์เรส จะรู้รึเปล่าว่าถูกล้อมากขนาดไหน แต่ต่อให้รู้ ผู้เขียนมั่นใจว่า ตอร์เรส คงไม่แยแสพร้อมสะบัดบ๊อบใส่พรางพูดว่า "ล้อได้ล้อไป ประตูพี่ไม่เน้น ยิงลูกเดียวแล้วเป็นแชมป์พี่ก็ยอม"

5 อันดับจังหวะทำหมูหกของ ตอร์เรส

ธนันต์ อยู่ในศิล