แกเร็ธ เบล นับถอยหลังสู่วันวิกฤต?
ฟุตบอล : ช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชื่อที่ได้รับความสนใจจากสื่อและแฟนบอลมากที่สุด
ย่อมไม่พ้น แกเร็ธ เบล ปีกซุป′ตาร์ชาวเวลส์ของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
ซึ่งที่สุดแล้วก็ได้ย้ายไป รีล มาดริด สมใจอยาก ด้วยค่าตัวที่ไม่ชัดเจนว่าตกลงแล้ว
เป็นการทำลายสถิติโลกของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือไม่
มาถึงตอนนี้ หลายเดือนผ่านไป เรื่องตัวเลขไม่สำคัญเท่ากับคำถามเรื่องความ "คุ้มค่า" แล้ว เนื่องจากเบลยังไม่ได้แผลงฤทธิ์ให้ทีมแบบเป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเชิงลบว่า ราชันชุดขาวโดนย้อมแมวขาย เพราะสภาพร่างกายของเบลไม่สมบูรณ์นัก อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการไส้เลื่อนอีกต่างหาก
ในมุมมองของผู้ชม เบลยังดูไม่เปรี้ยงปร้าง ไม่เป็นฟันเฟืองหลักในเกมรุกของทีมเหมือนคราวเล่นให้ทีมไก่เดือยทอง หรือถ้าว่ากันตามสถิติแล้ว ยิ่งสรุปได้ชัดเจนในทิศทางเดียวกัน
มีการเก็บสถิติว่า ตั้งแต่ลงสนามให้มาดริดครั้งแรกจนถึงปัจจุบันรวม 6 นัด เบลได้สัมผัสลูก ดังนี้ 14 กันยายน พบ บียาร์รีล (ตัวจริง) 35 ครั้ง, 17 กันยายน พบ กาลาตาซาราย (ตัวสำรอง) 26 ครั้ง, 28 กันยายน พบ แอตเลติโก้ มาดริด (ตัวสำรอง) 22 ครั้ง, 19 ตุลาคม พบ มาลาก้า (ตัวสำรอง) 12 ครั้ง, 23 ตุลาคม พบ ยูเวนตุส 6 ครั้ง และ 26 ตุลาคม พบ บาร์เซโลน่า (ตัวจริง) 34 ครั้ง
จาก 6 นัดดังกล่าว คิดเป็นตัวเลขการสัมผัสบอลรวม 135 ครั้ง เมื่อเทียบกับตอนเล่นให้สเปอร์สนัดสุดท้ายพบกับ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อฤดูกาลก่อน เกมนั้นเกมเดียวเขาสัมผัสบอลถึง 103 ครั้ง
เทียบกับโรนัลโด้ ซุป′ตาร์เพื่อนร่วมทีมแล้วถือว่าเป็นคนละเรื่อง เพราะตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ปีกชาวโปรตุเกสสัมผัสบอลไปรวมแล้วถึง 773 ครั้ง และยิงได้ทุกถ้วย 15 ประตู ขณะที่เบลนับตั้งแต่ยิงประตูแรกตอนประเดิมสีเสื้อชุดขาวพบบียาร์รีลในนาทีที่ 38 แล้ว ก็ยังหาตาข่ายคู่แข่งไม่เจออีกเลย
ในศึกใหญ่อย่าง "เอล กลาซิโก้" นัดแรกของฤดูกาล พบคู่ปรับตลอดกาล บาร์เซโลน่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เบลก็โดนวิจารณ์หนักว่า ตามสไตล์ "ติกี้-ตาก้า" ของบาร์ซ่าไม่ทัน จนเล่นไม่ออก และถูกเปลี่ยนตัวกับ คาริม เบนเซม่า ในนาทีที่ 61
จากแผนภาพที่หนังสือพิมพ์ เดลี่ เมล นำมาเปรียบเทียบให้ดูจะเห็นว่า การสัมผัสบอลในเกมพบบาร์ซ่า (ฝั่งซ้าย) กับเกมพบซันเดอร์แลนด์นัดปิดฤดูกาลก่อน (ฝั่งขวา) มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่า "บทบาท" ของเขาในการเล่นให้กับ 2 สโมสรต่างกันชัดเจน
แผนภาพจากเดลี่ เมล
สมัยอยู่สเปอร์ส เบลเป็นตัวหลัก เวลาเพื่อนได้บอลก็จะมองหาเพื่อเปิดบอลต่อให้ จากนั้นเขาก็จะพยายามหาที่ว่างเลี้ยงบอลฝ่าแนวรับเข้าไปทำประตู และประสบความสำเร็จ ยิงไป 21 ลูกในเกมลีกฤดูกาลก่อน หลายประตูในนั้นก็เป็นประตูพลิกเกมให้ได้รับชัยชนะด้วย เช่นแมตช์พบกับทีมแมวดำ ตอนที่ไก่เดือยทองยังหวังลุ้นตั๋วไปศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เบลยิงประตูชัยในนาทีที่ 89 จากบริเวณกรอบเขตโทษ
แต่ที่มาดริด บทบาทของเบลต่างออกไป นอกจากจะไม่ใช่ตัวหลักของทีมแล้ว ยังโดนโยกตำแหน่งไปมาเพื่อหาจุดที่ลงตัว เช่นนัดประเดิมสนามยืนเป็นปีกขวา แต่หลังจากนั้นก็สลับไปหลายตำแหน่งเพราะกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ ยังไม่แน่ใจว่าลงตรงไหนจะดีที่สุด
จบแมตช์กับบาร์ซ่า หนังสือพิมพ์ เอล มุนโด้ ของสเปน วิจารณ์ว่า เบลดูไม่มีส่วนกับเกมเอาเสียเลย ขณะที่ เอล ปาอิส บอกว่า พอเบลโดนถอดออกแล้ว ทีมยิ่งเล่นดีกว่าเดิมเยอะ พร้อมอัดอันเชล็อตติว่า ไม่รู้คิดอย่างไรถึงจับเบลไปยืนเป็นกองหน้าอย่างนั้น เพราะไม่ใช่งานถนัดของเขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น เบลยังโดนจับไปเปรียบเทียบกับ เนย์มาร์ ดาวเด่นน้องใหม่บาร์ซ่าที่แจ้งเกิดเต็มๆ ด้วยการยิงประตู และมีบทบาทในเกมรุกอย่างชัดเจน แถมพอโดนเปลี่ยนออก เบนเซม่าซึ่งลงมาแทนก็ยิงชนคานให้ได้หวาดเสียวเสียอีก ยิ่งทำให้คนมองว่าแข้งชาวเวลส์ไม่มีประโยชน์เข้าไปอีก
ถึงตรงนี้ถือว่าชื่อเสียงของเบลสั่นสะเทือนไปพอควรเมื่อเทียบกับกระแสฮือฮาเมื่อปลายฤดูกาลก่อน และความหวังที่จะได้แจ้งเกิดเต็มๆ ในวงการลูกหนังสเปนอาจเหลือเวลาน้อยลงเรื่อยๆ หากเขายังไม่สามารถปรับตัวได้
แต่จะเหลืออีกเท่าไรนั้น ตอนนี้ยังบอกไม่ได้จริงๆ