มติสภาถอน6ร่างนิรโทษปรองดองแล้วลดขัดแย้ง

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 310 เสียง ต่อ 1 เสียง ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.ปรองดองรวม 6 ฉบับแล้ว หวังประเทศลดความขัดแย้ง ขณะที่ ประธานวุฒิสภา นัดโหวตคว่ำ 8 พ.ย. เวลา 14.00 น. อ้าง รีบลดขัดแย้ง ด้าน 40 ส.ว. ไม่ร่วม

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจบวาระการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้หารือที่ประชุมกรณีที่ ส.ส.ขอถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ รวม 6 ฉบับ ออกจากระเบียบวาระการประชุม โดยให้ผู้เสนอร่างได้แสดงความคิดเห็นถึงสาเหตุที่ถอนร่าง ซึ่งทั้งหมดเห็นตรงกันว่าเพื่อความสงบของประเทศ

ทั้งนี้ หลังประธานเปิดให้ ส.ส. ที่เสนอร่างชี้แจงเหตุผล และการถอนร่างกฎหมาย  และสมาชิกได้อภิปรายแล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติทั้ง 6 ฉบับ ออกจากระเบียบวาระการประชุมด้วยคะแนน 310 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง จากนั้น ประธานได้สั่งปิดการประชุมทันที

ปธ.วุฒิฯ นัดส.ว.โหวตคว่ำนิรโทษ 8 พ.ย.

การประชุมวุฒิสภานอกรอบ ตามที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ได้นัดหารือเพื่อประเมินสถานการณ์การเมือง และกรอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมวาระ 1 ทั้งนี้ เมื่อเริ่มต้น การประชุมก็เกิดความวุ่นวายขึ้นและเกิดการถกเถียงกันอย่างหนัก โดยกลุ่ม 40 ส.ว. เห็นว่า ประธานวุฒิสภา ไม่มีความชอบธรรม ในการเรียกประชุมครั้งนี้ และเชื่อว่ามีการล็อบบี้จากฝ่ายการเมือง เพื่อให้วุฒิสภาเลื่อนการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จากวันที่ 11 พ.ย. มาเป็นวันที่ 8 พ.ย. 2556 ถือเป็นการรับใบสั่งจากฝ่ายการเมืองอย่างชัดเจน

ขณะที่ ประธานวุฒิสภา ระบุว่า ได้บรรจุวาระการประชุมในวันที่ 8 พ.ย. แล้ว เวลา 14.00 น. เพื่อต้องการให้วุฒิสภา ร่วมหาทางออกให้กับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ซึ่งการชี้แจงของประธานวุฒิสภา ได้สร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกเป็นอย่างมาก ถึงขั้นตะโกนตำหนิ จน นายนิคม ตัดสินใจปิดการประชุม และวอล์กเอาต์จากห้องประชุมทันที อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกวุฒิสภาหลายคน ระบุ จะไม่เข้าร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้ ตามที่ได้มีการนัดหมาย

 

 

 

 

 

 

 

 

-------------------------------------------------------

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : วุฒิสภานัดถกด่วนบ่ายนี้เลื่อนวันโหวตร่างนิรโทษ8พ.ย.

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=492877