ผู้เสียหายแจ้งความถูกแฮกATM-ธ.ขอตรวจสอบ60วัน

ผู้เสียหายแจ้งความถูกแฮกATM-ธ.ขอตรวจสอบ60วัน

ผู้เสียหายแจ้งความถูกแฮกATM-ธ.ขอตรวจสอบ60วัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลุ่มผู้เสียหาย ถูกแฮกข้อมูลบัญชีธนาคาร ATM 43 ราย เข้าแจ้งความ ตร.สน.ลุมพินี หลังสูญคน 3 - 7 หมื่น ขณะธนาคารขอตรวจสอบ 60 วัน ด้าน ผกก.สน.ลุมพินี เผย ประสาน ธ.กรุงเทพ ตรวจสอบ CCTV แล้ว - ผู้เสียหายติดต่อธนาคาร คืนเงิน 2 สัปดาห์

กลุ่มผู้เสียหาย ที่ถูกแฮคกข้อมูลบัญชีธนาคาร และบัตรเอทีเอ็ม กว่า 40 คน เดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ว่า เงินหายไปจากบัญชีธนาคาร ทั้งที่ไม่ได้ทำการเบิกเงิน ซึ่งผู้เสียหายที่มียอดถูกเบิกเงินไปสูงสุด กว่า 1 แสนบาท

โดย น.ส.ผกามาศ วิธีธรรม หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า ธนาคารไทยพานิชย์ และธนาคารกรุงเทพ โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่า มีการกดเงินไปจากบีญชีธนาคารของตน ที่ประเทศยูเครน เมื่อช่วง 02.00 น. ของวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ถึง 3 ครั้ง จากทั้ง 2 บัญชี รวมกว่า 30,000 บาท  ซึ่งเป็นบีญชีที่เปิดไว้กับธนาคารทั้ง 2 แห่ง ที่ตึกออล ซีซั่นส์ ถนนวิทยุ ซึ่งทางธนาคาร ได้แนะนำให้มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ และจะดำเนินการตรวจสอบภายใน 60 วัน และตอนนี้รู้สึกไม่มั่นใจในบัญชีธนาคาร

ทางด้าน พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อวาน จนถึงขณะนี้ มีผู้เสียหายมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้ว 43 ราย ซึ่งจากนี้ จะประสานเจ้าหน้าทีธนาคารมาสอบถามว่า วิธีการที่คนร้ายแฮกข้อมูล ดำเนินการอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ

 

ตร.สาน ธ.กรุงเทพ สอบ CCTV เหตุแฮก ATM แล้ว

พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีผู้เสียหายแจ้งความว่า ถูกคนร้ายแฮกข้อมูลบัญชีธนาคาร ว่า ตำรวจได้เชิญตัวแทนเจ้าหน้าที่ธนาคารผู้เสียหาย จำนวน 9 แห่ง พบว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของธนาคารทุกแห่ง พบว่า บัตรเอทีเอ็มที่ถูกแฮกข้อมูล เกิดจากการที่ผู้เสียหายได้นำบัตรเอทีเอ็มส่วนตัวไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ ที่ติดตั้งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 ข้างตึกอพอลโล หรือ ตึกโรเล็กซ์ ถ.วิทยุ โดยคนร้ายได้นำเครื่องสกริมเมอร์ ไปติดตั้งไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม ดังกล่าว เพื่อดูดข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มจากผู้เสียหายที่มากดเงิน ในห้วงเวลาตลอดเดือน ตุลาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ประสานตรวจสอบกล้องวงจรปิด จากธนาคารกรุงเทพ เพื่อเร่งติดตามคนร้ายและประสานข้อมูลกับตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. ร่วมตรวจสอบ ในส่วนของผู้เสียหายทั้งหมดนั้น ทางธนาคารทุกแห่งที่ถูกกดเงินไปยินดีรับผิดชอบ โดยให้ผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ พร้อมกับนำเอกสารและใบแจ้งความไปติดต่อกับทางธนาคารเพื่อขอคืนเงิน ภายใน 2 สัปดาห์


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook