เปิดจดหมายเพื่อน มช. ถึงยิ่งลักษณ์ แนะปล่อยวาง
ศิษย์เก่า มช. ส่งจดหมายถึงยิ่งลักษณ์ ให้นึกถึงวัยเรียน แนะปล่อยวาง บอก "คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อยืนอยู่ตรงนี้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (7 พ.ย.) ได้มีการส่งจดหมายเปิดผนึก หัวเรื่องว่า "จดหมายเปิดผนึกจากศิษย์เก่า มช. ถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" โดยผู้เขียนที่ใช้ชื่อว่า ศิษย์เก่า มช. รหัส 34 " ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับพระราชทานปริญญารัฐศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (สิงห์ขาวรุ่น 21) เมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยเนื้อหาของจดหมายมีดังนี้
"คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เชื่อว่าเราต่างก็เคยเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน บนถนนบางสาย ตึกบางตึก เคยร้องเพลงเดียวกัน กิน เรียน เล่น ในที่เดียวกัน อาจจะต่างกรรม ต่างวาระ แต่เชื่อว่าเราต่างมีความทรงจำต่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไม่แตกต่างกันนัก ถ้าวันนี้คุณยิ่งลักษณ์ไม่มีภารกิจรัดตัว หรืออยู่ระหว่างหยุดพักจากการเดินทางรอบโลกรอบที่ 3 ได้โปรดกรุณานึกย้อนกลับไปถึงวันเก่าเพื่อทวนความทรงจำสักนิด
ในความเป็นนักศึกษา มช. เราต่างคนต่างมา จากทุกทิศทั่วประเทศไทย ต่างภูมิหลัง ต่างถิ่นที่อยู่แต่เมื่อได้มาพบกัน ประการแรกเราได้ตระหนักว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เล่าเรียนในสถาบันการศึกษาที่นอกจากจะประสิทธิ์ประสาทวิชาการให้แก่เราแล้ว ยังให้วิชา "ชีวิต" และให้วันเวลาแห่งความเป็นหนุ่มสาวที่ดีที่สุดในช่วงชีวิตของเราเอง
คุณยิ่งลักษณ์ คงเคยเดินเล่นอยู่ริมอ่างแก้ว สัมผัสสายลมเย็นในฤดูหนาวที่พัดน้ำในอ่างแก้วเป็นระลอก เห็นภูเขาสลับซับซ้อน และยอดสีทองของพระธาตุดอยสุเทพยืนเด่นอยู่ลิบๆท่ามกลางความเขียวขจีของแมกไม้
คุณยิ่งลักษณ์ คงเคยเหยียบย่างไปฝายหิน ตลาดขายอาหารราคาถูกของนักศึกษา มช. กินข้าวเย็นกับเพื่อนๆและรุ่นพี่รุ่นน้อง เฮฮาสังสรรค์กันจนลืมเวลา เสียงหัวเราะในวัยเยาว์นั้นไพเราะก้องกังวานแค่ไหน เราทุกคนต่างรู้ดี
คุณยิ่งลักษณ์คงเคยเรียนหนังสือในตึก RB อาคารเรียนรวมที่นักศึกษา มช.ทุกคนต้องเคยเข้าไปเรียนตอนปี 1 เพื่อเรียนวิชาพื้นฐาน ที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาเล่าเรียนของพวกเรา สอนให้เราพัฒนาความรู้ไปสู่จุดที่สูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันคุณยิ่งลักษณ์คงไม่เคยก้าวย่างไปที่ตึกกิจกรรม เรียนรู้การทำกิจกรรมนอกห้องเรียน น่าแปลกนิดหน่อยที่นายกรัฐมนตรีของเราในวันนี้ ไม่เคยปรากฎชื่อดำรงตำแหน่งใดๆในกิจการนักศึกษา เช่นนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัย ประธานสภานักศึกษา หรือแม้แต่ชมรมเป่าแก้ว ชมรมถักโครเชต์ ชมรมแอโรบิค(ถ้ามี)
คุณยิ่งลักษณ์ คงเคยไปกราบพระที่ศาลาธรรม ไหว้ศาลพระภูมิหน้าศาลาธรรมยามใกล้สอบ บนบานศาลกล่าวให้สอบได้คะแนนดีๆ ขอให้อนาคตสดใส ได้เป็นเจ้าคนนายคน
และในวันรับพระราชทานปริญญาบัตร คุณยิ่งลักษณ์คงเคยกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นคำปฏิญาณที่บัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทุกคนต้องท่องจำให้ได้ทุกประโยค(โดยไม่ใช้โพย ) ในพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรว่า
"ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่าจะประกอบอาชีพโดยใช้ศิลปวิทยาที่ได้รับประสิทธิ์ประศาสน์จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ความเคารพสักการะแด่ครูอาจารย์ จะใช้ศิลปะวิทยาการแต่ในทางที่เป็นคุณประโยชน์ ไม่เกลือกกลั้วในโทษ อกุศลกรรมชั่วร้าย จะแผ่ขยายเกียรติคุณของวิชาชีพให้ไพศาล จะสมานสามัคคีพลีประโยชน์ตนเพื่อส่วนรวม จะยึดมั่นและปฏิบัติตามคำปฎิญาณนี้ตราบชั่วชีวิต"
ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ทำตามคำปฏิญาณได้แค่เพียงประโยคเดียว คนไทยคงไม่ต้องเจ็บปวดหม่นหมองอย่างทุกวันนี้
ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ปฏิบัติตามคำขวัญของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ว่า "บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกฝนตนเอง" ประชาชนคนไทยคงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างทุกวันนี้
คุณยิ่งลักษณ์ คงเคยร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในห้องเชียร์ "มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของเรา งามพร้อมสมภูมิลำเนาที่พวกเราแสนภูมิใจ สร้างความหวัง ศรัทธา วิทยาพาเรืองไกล พวกเราขอเทิดทูนไว้ด้วยดวงใจพร้อมเพรียงบูชา" ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ยังร้องเพลงนี้ได้ หัวใจของคุณคงไม่หยาบกระด้างจนเกินไปนัก
สังคม มช. คือสังคมของความเรียบง่าย ติดดิน สภาพแวดล้อมที่อยู่ใกล้ธรรมชาติทำให้เราถ่อมตัวลง เข้าใกล้ผู้อื่นมากขึ้น และกล่อมเกลาเราให้รู้จักความสุนทรีย์ ขัดเกลาจิตใจให้อ่อนโยนลง การเป็นมหาวิทยาลัยภูธร ทำให้นักศึกษาได้มาเรียน-รู้-อยู่-กินร่วมกัน เราได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักการให้ การรับ และการให้อภัย แต่ไม่ใช่ "การให้อภัย" ที่เคลือบแฝงด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ของพวกพ้องและครอบครัว
คุณยิ่งลักษณ์คงซึมซับในความเป็น มช.กับสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้ หากคุณเป็นนักศึกษา มช.ที่ไม่ได้เรียนแค่เพื่อเอาปริญญาเป็นใบเบิกทาง เพื่อให้ได้ชื่อว่าจบปริญญาตรี หรือเพื่อเป็นบันไดไปเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ฟราย ชิคเก้น และเพื่อไปเป็น "เจ้าคนนายคน" ที่รู้จักแต่การบริหารบริษัทโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่เคยรู้ซึ่งถึงคำว่า "บริหารประเทศ" และการอุทิศตนทำงานเพื่อส่วนรวม
คุณยิ่งลักษณ์มาไกลมาก....จากอดีตนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันนี้ก้าวขึ้นมาเป็นถึงผู้นำประเทศ และยังเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยอีกด้วย ในฐานะศิษย์เก่า มช. ใครเล่าจะไม่ภาคภูมิใจไปกับคุณ แต่บนเส้นทางการก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนี้ คุณยิ่งลักษณ์ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการทำประโยชน์เพื่อสังคม ผ่านการสร้างบารมีจนควรค่ากับตำแหน่งนี้หรือไม่?
เรายินดีเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยได้ดิบได้ดีเป็นเจ้าคนนายคน แต่เราไม่ยินดีและไม่ภาคภูมิใจหากว่าเพื่อนคนนั้นได้เป็นเจ้าคนนายคนด้วยการสืบทอดอำนาจของครอบครัว ราวกับว่านี่คือสมบัติผลัดกันชมในตระกูลชินวัตรเท่านั้น
เราไม่อาจภาคภูมิใจกับนายกรัฐมนตรี-ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ ความรักประเทศชาติแผ่นดินเกิดกับความรักสถาบัน อย่างแรกต้องมาก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณยิ่งลักษณ์เป็นคนรูปร่างสูงมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ มาถึงวันนี้ก็ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สูงส่ง คุณยิ่งลักษณ์คงประจักษ์กับตัวเองได้ดีที่สุดในยามนี้ว่า "ยิ่งสูงยิ่งหนาว"นั้นเป็นอย่างไร
ในวันนี้ที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำให้ทั่วทุกหย่อมหญ้าของประเทศไทยลุกเป็นไฟ ผู้คนออกมาต่อต้านเป็นจำนวนเรือนล้าน คุณยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้นำประเทศคงลำบากใจไม่น้อย คงมีสักแว่บหนึ่งที่คุณคงนึกอยากกลับไปเป็นเด็กนักศึกษาที่ไม่ต้องมีภาระรับผิดชอบอะไร ในวันนั้นเราเพียงมุ่งหวังความสำเร็จและความสุขในชีวิตตามอัตภาพ มากกว่าที่จะต้องแบกภาระอันใหญ่หลวงของประเทศชาติ (หรือของพี่ชาย)ไว้บนบ่า
เสียงชื่นชมหรือสาปแช่ง ถ้าไม่หูหนวกตาบอด ก็ย่อมสดับตรับฟังได้ว่าเสียงนี้ดังขึ้นเรื่อยๆในหมู่ปัญญาชนไทยทั่วทุกสารทิศในเวลานี้ ในฐานะลูกช้าง มช.ด้วยกัน ขอส่งความปรารถนาดีต่อคุณยิ่งลักษณ์เป็นครั้งสุดท้ายว่า ถ้าคุณปรารถนาความสงบสุขในชีวิตเหมือนในอดีตเมื่อครั้งที่ยังศึกษาอยู่ในรั้วสีม่วงแห่งนี้และแม้แต่ก่อนจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรุณาปล่อยวางแล้วลงมาจากจุดที่ยืนอยู่เถิด คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อยืนอยู่ตรงนี้
ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ตัดสินใจถูกต้อง เราชาวลูกช้าง มช.ทั้งมวลจะยังเก็บความภาคภูมิใจไว้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีศิษย์เก่าเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าคุณตัดสินใจผิด ชื่อของคุณ ตระกูลของคุณจะเป็นความด่างพร้อยในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะจารึกไว้ให้รับรู้ไปจนชั่วลูกหลาน
ท้ายที่สุดนี้ คุณยิ่งลักษณ์ต้องเคยรู้มาบ้างว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของเรานั้นก่อตั้งขึ้นจากการเรียกร้องของคนเชียงใหม่ โดยเจตนารมณ์ของประชาชนที่เรียกร้องให้ตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น สั้น ง่าย แต่ทรงพลังว่า "เพื่อให้ลูกหลานของเราไม่กลายเป็นคนโง่"
ด้วยความหวังดีจากเพื่อนร่วมสถาบัน
ศิษย์เก่า มช.รหัส 34"
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอิศรา