เปิดจดหมายเพื่อน มช. ถึงยิ่งลักษณ์ แนะปล่อยวาง

เปิดจดหมายเพื่อน มช. ถึงยิ่งลักษณ์ แนะปล่อยวาง

เปิดจดหมายเพื่อน มช. ถึงยิ่งลักษณ์ แนะปล่อยวาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศิษย์เก่า มช. ส่งจดหมายถึงยิ่งลักษณ์ ให้นึกถึงวัยเรียน แนะปล่อยวาง บอก "คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อยืนอยู่ตรงนี้"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (7 พ.ย.) ได้มีการส่งจดหมายเปิดผนึก หัวเรื่องว่า "จดหมายเปิดผนึกจากศิษย์เก่า มช. ถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" โดยผู้เขียนที่ใช้ชื่อว่า ศิษย์เก่า มช. รหัส 34 " ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับพระราชทานปริญญารัฐศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (สิงห์ขาวรุ่น 21) เมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยเนื้อหาของจดหมายมีดังนี้

"คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เชื่อว่าเราต่างก็เคยเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน บนถนนบางสาย ตึกบางตึก เคยร้องเพลงเดียวกัน กิน เรียน เล่น ในที่เดียวกัน อาจจะต่างกรรม ต่างวาระ แต่เชื่อว่าเราต่างมีความทรงจำต่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไม่แตกต่างกันนัก ถ้าวันนี้คุณยิ่งลักษณ์ไม่มีภารกิจรัดตัว หรืออยู่ระหว่างหยุดพักจากการเดินทางรอบโลกรอบที่ 3 ได้โปรดกรุณานึกย้อนกลับไปถึงวันเก่าเพื่อทวนความทรงจำสักนิด

ในความเป็นนักศึกษา มช. เราต่างคนต่างมา จากทุกทิศทั่วประเทศไทย ต่างภูมิหลัง ต่างถิ่นที่อยู่แต่เมื่อได้มาพบกัน ประการแรกเราได้ตระหนักว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เล่าเรียนในสถาบันการศึกษาที่นอกจากจะประสิทธิ์ประสาทวิชาการให้แก่เราแล้ว ยังให้วิชา "ชีวิต" และให้วันเวลาแห่งความเป็นหนุ่มสาวที่ดีที่สุดในช่วงชีวิตของเราเอง

คุณยิ่งลักษณ์ คงเคยเดินเล่นอยู่ริมอ่างแก้ว สัมผัสสายลมเย็นในฤดูหนาวที่พัดน้ำในอ่างแก้วเป็นระลอก เห็นภูเขาสลับซับซ้อน และยอดสีทองของพระธาตุดอยสุเทพยืนเด่นอยู่ลิบๆท่ามกลางความเขียวขจีของแมกไม้

คุณยิ่งลักษณ์ คงเคยเหยียบย่างไปฝายหิน ตลาดขายอาหารราคาถูกของนักศึกษา มช. กินข้าวเย็นกับเพื่อนๆและรุ่นพี่รุ่นน้อง เฮฮาสังสรรค์กันจนลืมเวลา เสียงหัวเราะในวัยเยาว์นั้นไพเราะก้องกังวานแค่ไหน เราทุกคนต่างรู้ดี

คุณยิ่งลักษณ์คงเคยเรียนหนังสือในตึก RB อาคารเรียนรวมที่นักศึกษา มช.ทุกคนต้องเคยเข้าไปเรียนตอนปี 1 เพื่อเรียนวิชาพื้นฐาน ที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาเล่าเรียนของพวกเรา สอนให้เราพัฒนาความรู้ไปสู่จุดที่สูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันคุณยิ่งลักษณ์คงไม่เคยก้าวย่างไปที่ตึกกิจกรรม เรียนรู้การทำกิจกรรมนอกห้องเรียน น่าแปลกนิดหน่อยที่นายกรัฐมนตรีของเราในวันนี้ ไม่เคยปรากฎชื่อดำรงตำแหน่งใดๆในกิจการนักศึกษา เช่นนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัย ประธานสภานักศึกษา หรือแม้แต่ชมรมเป่าแก้ว ชมรมถักโครเชต์ ชมรมแอโรบิค(ถ้ามี)

คุณยิ่งลักษณ์ คงเคยไปกราบพระที่ศาลาธรรม ไหว้ศาลพระภูมิหน้าศาลาธรรมยามใกล้สอบ บนบานศาลกล่าวให้สอบได้คะแนนดีๆ ขอให้อนาคตสดใส ได้เป็นเจ้าคนนายคน

และในวันรับพระราชทานปริญญาบัตร คุณยิ่งลักษณ์คงเคยกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นคำปฏิญาณที่บัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทุกคนต้องท่องจำให้ได้ทุกประโยค(โดยไม่ใช้โพย ) ในพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรว่า

"ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่าจะประกอบอาชีพโดยใช้ศิลปวิทยาที่ได้รับประสิทธิ์ประศาสน์จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ความเคารพสักการะแด่ครูอาจารย์ จะใช้ศิลปะวิทยาการแต่ในทางที่เป็นคุณประโยชน์ ไม่เกลือกกลั้วในโทษ อกุศลกรรมชั่วร้าย จะแผ่ขยายเกียรติคุณของวิชาชีพให้ไพศาล จะสมานสามัคคีพลีประโยชน์ตนเพื่อส่วนรวม จะยึดมั่นและปฏิบัติตามคำปฎิญาณนี้ตราบชั่วชีวิต"

ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ทำตามคำปฏิญาณได้แค่เพียงประโยคเดียว คนไทยคงไม่ต้องเจ็บปวดหม่นหมองอย่างทุกวันนี้

ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ปฏิบัติตามคำขวัญของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ว่า "บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกฝนตนเอง" ประชาชนคนไทยคงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างทุกวันนี้

คุณยิ่งลักษณ์ คงเคยร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในห้องเชียร์ "มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของเรา งามพร้อมสมภูมิลำเนาที่พวกเราแสนภูมิใจ สร้างความหวัง ศรัทธา วิทยาพาเรืองไกล พวกเราขอเทิดทูนไว้ด้วยดวงใจพร้อมเพรียงบูชา" ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ยังร้องเพลงนี้ได้ หัวใจของคุณคงไม่หยาบกระด้างจนเกินไปนัก

สังคม มช. คือสังคมของความเรียบง่าย ติดดิน สภาพแวดล้อมที่อยู่ใกล้ธรรมชาติทำให้เราถ่อมตัวลง เข้าใกล้ผู้อื่นมากขึ้น และกล่อมเกลาเราให้รู้จักความสุนทรีย์ ขัดเกลาจิตใจให้อ่อนโยนลง การเป็นมหาวิทยาลัยภูธร ทำให้นักศึกษาได้มาเรียน-รู้-อยู่-กินร่วมกัน เราได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักการให้ การรับ และการให้อภัย แต่ไม่ใช่ "การให้อภัย" ที่เคลือบแฝงด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ของพวกพ้องและครอบครัว

คุณยิ่งลักษณ์คงซึมซับในความเป็น มช.กับสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้ หากคุณเป็นนักศึกษา มช.ที่ไม่ได้เรียนแค่เพื่อเอาปริญญาเป็นใบเบิกทาง เพื่อให้ได้ชื่อว่าจบปริญญาตรี หรือเพื่อเป็นบันไดไปเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ฟราย ชิคเก้น และเพื่อไปเป็น "เจ้าคนนายคน" ที่รู้จักแต่การบริหารบริษัทโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่เคยรู้ซึ่งถึงคำว่า "บริหารประเทศ" และการอุทิศตนทำงานเพื่อส่วนรวม

คุณยิ่งลักษณ์มาไกลมาก....จากอดีตนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันนี้ก้าวขึ้นมาเป็นถึงผู้นำประเทศ และยังเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยอีกด้วย ในฐานะศิษย์เก่า มช. ใครเล่าจะไม่ภาคภูมิใจไปกับคุณ แต่บนเส้นทางการก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนี้ คุณยิ่งลักษณ์ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการทำประโยชน์เพื่อสังคม ผ่านการสร้างบารมีจนควรค่ากับตำแหน่งนี้หรือไม่?

เรายินดีเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยได้ดิบได้ดีเป็นเจ้าคนนายคน แต่เราไม่ยินดีและไม่ภาคภูมิใจหากว่าเพื่อนคนนั้นได้เป็นเจ้าคนนายคนด้วยการสืบทอดอำนาจของครอบครัว ราวกับว่านี่คือสมบัติผลัดกันชมในตระกูลชินวัตรเท่านั้น

เราไม่อาจภาคภูมิใจกับนายกรัฐมนตรี-ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ ความรักประเทศชาติแผ่นดินเกิดกับความรักสถาบัน อย่างแรกต้องมาก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

คุณยิ่งลักษณ์เป็นคนรูปร่างสูงมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ มาถึงวันนี้ก็ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สูงส่ง คุณยิ่งลักษณ์คงประจักษ์กับตัวเองได้ดีที่สุดในยามนี้ว่า "ยิ่งสูงยิ่งหนาว"นั้นเป็นอย่างไร

ในวันนี้ที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำให้ทั่วทุกหย่อมหญ้าของประเทศไทยลุกเป็นไฟ ผู้คนออกมาต่อต้านเป็นจำนวนเรือนล้าน คุณยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้นำประเทศคงลำบากใจไม่น้อย คงมีสักแว่บหนึ่งที่คุณคงนึกอยากกลับไปเป็นเด็กนักศึกษาที่ไม่ต้องมีภาระรับผิดชอบอะไร ในวันนั้นเราเพียงมุ่งหวังความสำเร็จและความสุขในชีวิตตามอัตภาพ มากกว่าที่จะต้องแบกภาระอันใหญ่หลวงของประเทศชาติ (หรือของพี่ชาย)ไว้บนบ่า

เสียงชื่นชมหรือสาปแช่ง ถ้าไม่หูหนวกตาบอด ก็ย่อมสดับตรับฟังได้ว่าเสียงนี้ดังขึ้นเรื่อยๆในหมู่ปัญญาชนไทยทั่วทุกสารทิศในเวลานี้ ในฐานะลูกช้าง มช.ด้วยกัน ขอส่งความปรารถนาดีต่อคุณยิ่งลักษณ์เป็นครั้งสุดท้ายว่า ถ้าคุณปรารถนาความสงบสุขในชีวิตเหมือนในอดีตเมื่อครั้งที่ยังศึกษาอยู่ในรั้วสีม่วงแห่งนี้และแม้แต่ก่อนจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรุณาปล่อยวางแล้วลงมาจากจุดที่ยืนอยู่เถิด คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อยืนอยู่ตรงนี้

ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ตัดสินใจถูกต้อง เราชาวลูกช้าง มช.ทั้งมวลจะยังเก็บความภาคภูมิใจไว้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีศิษย์เก่าเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าคุณตัดสินใจผิด ชื่อของคุณ ตระกูลของคุณจะเป็นความด่างพร้อยในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะจารึกไว้ให้รับรู้ไปจนชั่วลูกหลาน

ท้ายที่สุดนี้ คุณยิ่งลักษณ์ต้องเคยรู้มาบ้างว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของเรานั้นก่อตั้งขึ้นจากการเรียกร้องของคนเชียงใหม่ โดยเจตนารมณ์ของประชาชนที่เรียกร้องให้ตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น สั้น ง่าย แต่ทรงพลังว่า "เพื่อให้ลูกหลานของเราไม่กลายเป็นคนโง่"

ด้วยความหวังดีจากเพื่อนร่วมสถาบัน

ศิษย์เก่า มช.รหัส 34"

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอิศรา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook