มติเอกฉันท์ ศาล รธน.ไม่รับคำร้องยุบ ปชป. กรณี "สุเทพ" ปลุกตั้งศาล ปชช.

ศาล รธน.มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง "เรืองไกร" ยื่นยุบ ปชป.ปมตั้งศาลประชาชน ชี้ม็อบมีสิทธิ์ชุมนุมได้โดยสงบ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป. กระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

จากกรณีที่นายสุเทพ ได้ประกาศจะจัดตั้งศาลประชาชนและจะใช้อำนาจศาลประชาชนไปพิพากษาคดีบุคคลอื่นตามอำเภอใจ จึงถือเป็นการละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์อย่างชัดแจ้ง และเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจของฝ่ายศาลหรือตุลาการโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติในศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการที่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ดำเนินการควบคุมสมาชิกพรรคไม่ให้กระทำการเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ จึงถือว่า ปชป. สนับสนุนการกระทำดังกล่าว เป็นการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง วรรคสาม และวรรคสี่ จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการชุมนุม เลิกจัดตั้งศาลประชาชน รวมทั้งมีคำสั่งให้ยุบ ปชป. เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งหัวหน้าและกรรมการบริหาร ปชป.

โดยรัฐธรรมนูญเห็นว่า การชุมนุมของผู้ถูกร้อง เป็นการชุมนุมเพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... และเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จึงไม่มีมูลกรณีที่เป็นการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 68 จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย อีกทั้งนายชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า เมื่อพิจารณาลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แล้ว รัฐธรรมนูญมุ่งประสงค์ให้เฉพาะอัยการสูงสุดเท่านั้นที่สามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้