แฉพระเณรรุ่นใหม่ประพฤติตนขัดใจฆราวาส ให้สีกาแต่งหน้า! แถมฉีดโบท็อกซ์ มส.ก็หนักใจ-เข้ม อุปัชฌาย์คัดบวช
องค์กรเกย์เผยมีอีก
พระตุ๊ด-เณรแต๋ว บางรูปถึงขนาดเข้าร้านเสริมสวยให้สีกาทำสวย ทั้งนวดหน้า-ฉีดโบท็อกซ์ เตรียมแถลง
ข่าวโชว์หลักฐาน พร้อมยื่นหนังสือให้มหาเถรสมาคมแก้ไขวันจันทร์นี้ ด้านเจ้าคณะภาค 7-เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ยอมรับมีจริงพระเกย์ แต่แก้ไขลำบาก ถ้าไม่ทำผิดวินัยต้องอาบัติถึงปาราชิก ก็ทำได้แค่ตักเตือน กังวลพฤติกรรมสามเณรกำพร้าที่ญาตินำมาบวชให้พระดูแลกลายเป็นแต๋วเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ วอนทั้งสังคมต้องช่วยกันแก้ไข ด้านสภาวัฒนธรรมเชียงใหม่เตือนองค์กรเกย์การเมืองอย่ามุ่งแต่สร้าง
ข่าวให้ ตัวเองดัง ชี้พระตุ๊ดที่ดีทำประโยชน์ให้ศาสนาก็มี ด้านโฆษกมหาเถรสมาคมยอมรับคณะสงฆ์หนักใจ เคยสั่งให้อุปัชฌาย์ทั่วประเทศคัดกรองคนที่จะเข้ามาบวช ต้องไม่มีพฤติกรรมตุ้งติ้ง-บัณเฑาะก์
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย และกรรมการสภาวัฒนธรรม จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีพระสงฆ์ในวัดต่างๆ ทั่วเมืองเชียงใหม่ เป็นพระเกย์ มีพฤติกรรรมไม่เหมาะสม ถอดผ้าเหลืองจีวรเปลี่ยนชุดเป็นฆราวาส เข้าไปใช้บริการในบาร์เกย์หรือสถานบริการนวดสำหรับชาย ว่า ขณะนี้ทางกลุ่มเกย์การเมืองไทย เครือข่ายองค์กรอัตลักษณ์ทางเพศ และกลุ่มเชียงใหม่อริยะ กำลังเตรียมจัดทำข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อแฉถึงพฤติ
กรรม ฉาวของพระตุ๊ด-เณรแต๋ว ที่ทำให้พระพุทธศาสนามัวหมองจากพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย โดยมีภาพรวม ข้อมูลพฤติกรรมต่างๆ และภาพถ่าย สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง เพื่อนำไปแถลงเปิดเผยอย่างเป็นทางการต่อไป
นายนทีกล่าวอีกว่า ยกตัวอย่างพฤติกรรมที่พระเกย์หรือพระตุ๊ดที่รักสวยรักงาม เข้าไปใช้บริการเสริมสวยแต่งหน้าตา มีแม้กระทั่งทำสวยฉีดโบท็อกซ์ลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า แต่ที่นับว่าร้ายกาจอย่างรับไม่ได้ที่สุด เห็นจะเป็นการเข้าไปใช้บริการเสริมสวย ด้วยการให้สีกาหรือผู้หญิงแท้ๆ ที่เป็นช่างเสริมสวย เข้ามาคอยนวดหน้าตกแต่งเสริมสวย ซึ่งในทางพระวินัยสงฆ์ มีข้อห้ามโดยไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัวสีกา แม้กระทั่งมารดา บุตรสาว หรือญาติพี่น้องก็ไม่ได้ แต่พระเกย์เหล่านี้กลับยินยอมให้ช่างเสริมสวยผู้หญิงถูกเนื้อต้องตัวเสริม สวยแต่โดยดี ซึ่งถือว่าต้องอาบัติ
นายนทีกล่าวต่อว่าตนเชื่อว่า พฤติกรรมพระตุ๊ด พระแต๋ว หรือพระเกย์ ที่แสดงออกมาอย่างไม่เหมาะสม คงมิได้มีแต่ในจ.เชียงใหม่ หรือภาคเหนือเท่านั้น แต่มีทั่วทุกภาคในประเทศ เพียงแต่มีมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรในจังหวัดนั้น และสภาพแวดล้อมของพื้นที่ อย่างไรก็ดี ที่เราสามารถพบเห็นได้จ.เชียงใหม่ หรือในภาคเหนือว่ามีพระเกย์หรือพระตุ๊ดมากมาย ในพื้นที่เหล่านี้ คงเป็นด้วยสาเหตุที่ในจังหวัดทางภาคเหนือ มีสภาพอากาศดี ภูมิประเทศสวยงาม อีกทั้ง ในภาคเหนือมีการจัดงานประเภทพันธุ์ไม้ดอกไม้สวยงามเป็นประจำ ทำให้กลุ่มพระตุ๊ด พระแต๋ว ได้มีโอกาสเที่ยวชม บางครั้งยังเข้าไปร่วมจัดกิจกรรมทำการจัดดอกไม้อีกด้วย นอกจากนี้ จ.เชียงใหม่ มีพื้นที่กว้างใหญ่ และประชากรจำนวนมาก ทำให้มีพระเกย์มากไปด้วยเช่นกัน เมื่อมีจำนวนมาก ก็ทำให้กล้าที่จะแสดงออก เราจึงเห็นได้ว่าในจังหวัดใหญ่ๆ จะมีกลุ่มพระเกย์มากไปด้วย
" ข้อมูลที่กลุ่มเราดำเนินการรวบรวมอย่างละเอียดนั้น เราจะนำไปแถลงข่าวในหัวข้อเรื่อง พระตุ๊ด-เณรแต๋ว กับพฤติกรรมการทำลายศาสนา ซึ่งเรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบด้าน เพื่อให้สังคมได้รับรู้และนำไปแก้ไขปรับปรุง โดยจะเปิดแถลงในวันจันทร์ที่ 19 ม.ค. เวลา 13.00 น. ที่ห้องวชิระ โรงแรมเชียงใหม่รัตนโกสินทร์ จากนั้นจะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้เตรียมไว้ นำไปยื่นต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม ในวันที่ 20 ม.ค. เวลา 13.30 น. ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม จะนำเรื่องนี้ให้มหาเถรสมาคมรับทราบ เพื่อนำไปดำเนินการหาทางแก้ไขในเชิงนโยบายและนำมาสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง เราไม่ต้องการให้พฤติของชาวเกย์มาทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง"ประธานกลุ่มเกย์ การเมืองไทย กล่าว
ด้านพระเทพโกศล รองเจ้าคณะภาค 7 และรักษาการเจ้าอาวาสวัดศรีโสดา จ.เชียงใหม่ กล่าวว่าในฐานะที่ปกครองดูแลคณะสงฆ์ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่โดยตรง พบว่ากรณีปัญหาเกี่ยวกับพระภิกษุที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นพระเกย์ พระตุ๊ด แสดงกิริยาอาการตุ้งติ้ง พูดจาจีบปากจีบคอ ออกอาการในลักษณะเป็นผู้หญิงนั้นมีมานานแล้ว และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในวัดของอาตมาเองก็เคยมีปรากฏ แต่ในตอนแรกจะยังไม่มีปัญหามาก ด้วยเป็นพระที่มีกลุ่มน้อย แต่ในระยะหลัง มีพระที่เป็นเกย์เป็นตุ๊ดมากขึ้น ตรงนี้ต้องยอมรับว่า คณะสงฆ์รู้สึกหนักใจ แม้ในขั้นตอนของพระอุปัชฌาย์ที่จะรับคนเข้ามาบวช จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่เข้าพิธีอุปสมบทจะยังไม่แสดงอาการออกมา แต่ภายหลังบวชครองเพศบรรพชิตแล้ว พวกคนเหล่านี้ ถึงจะเริ่มมีพฤติกรรมความผิดปกติ ในกรณีที่พระแสดงกิริยาอาการไม่สำรวม พูดจาวี้ดว้าย ท่าทางกระตุ้งกระติ้ง พระสังฆาธิการผู้ใหญ่ในปกครองก็จะว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งเท่าที่เห็นพระภิกษุกลุ่มนี้จะระมัดระวังตัวขึ้น อาจมีบ้างที่เผลอแสดงกิริยาอาการ แต่ด้วยเป็นความผิดที่มิได้ร้ายแรง เราก็จะไปลงโทษสถานหนักไม่ได้ แต่ถ้าพบความผิดสถานหนัก เช่น ถึงขั้นเสพเมถุนหรือติดยาเสพติด หรือหนีเที่ยวกลางคืน คณะสงฆ์ก็จะลงโทษขั้นสถานหนัก อาจให้ทำทัณฑ์บนหรือให้ลาสิกขา
เจ้า คณะภาค 7 กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ คณะสงฆ์ภาค 7 ได้กำชับไปยังพระสังฆาธิการเขตปกครอง ให้เข้มงวดต่อผู้ที่ขอเข้ามาบวชในวัดนั้นๆ โดยให้ตรวจดูคุณสมบัติทั่วไปอย่างละเอียด ถ้าบุคคลคนนั้นมีพฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นกะเทย หรือเกย์ก็จะไม่ให้เข้าพิธีอุปสมบทอย่างเด็ดขาด
"เท่าที่อาตมาได้ทราบ พระเกย์หรือพระตุ๊ดบางรูป บวชเรียนมาตั้งแต่ครั้งเป็นสามเณร แต่ในช่วงวัยเด็ก ยังไม่มีพฤติกรรรมแสดงออก จนเมื่อเจริญวัย เริ่มมีวุฒิภาวะทางสังคมและอารมณ์มากขึ้น เริ่มรู้สึกถึงสภาพของตนเอง บางรูปก็จะลาสึกออกไป แต่บางรูปก็ต้องอาศัยอยู่ในเพศสมณะ เพื่อให้ได้ศึกษาเล่าเรียนต่อสูงๆ ปัญหาที่เกิดขึ้น อาตมาไม่รู้สึกห่วงคนที่มีเข้ามาบวชระยะสั้น คือ บวชตามประเพณีหรือบวชทดแทนคุณบุพการี เพราะคนกลุ่มนี้อยู่ครองผ้าเหลืองไม่นาน แต่สำหรับพระที่มีพรรษาสูงและมีพฤติกรรมในทางเบี่ยงเบนทางเพศ ถ้าเก็บอาการไว้ภายในจิตใจ ก็คงจะไม่เป็นไร แต่ถ้าแสดงออกในที่สาธารณชน แวดวงพระพุทธศาสนาคงเสื่อมเสียอย่างแน่นอน" พระเทพโกศล กล่าว
ด้าน พระรัตนเมธี เจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าจุฬามณี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ในฐานะหัวหน้าพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระในเขตกรุงเทพฯ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องพระเกย์หรือพระตุ๊ดที่แสดงอากัปกิริ ยาหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาอย่างเป็นทางการถึงพระวินยาธิการใน เขตกรุงเทพฯ มีแต่เพียงคำบอกเล่ากันปากต่อปากในเชิงข่าวลือว่ามีพระรูปนั้นสังกัดวัดแห่ง นั้นเป็นพระเกย์พระตุ๊ดเพียงเท่านั้น แต่ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนถึงขั้นว่ามีพระเกย์เรียกใช้บริการเด็กออฟจาก บาร์เกย์ หรือนำชายหนุ่มคู่ขาขึ้นกุฏิ ในเรื่องนี้ หากพระวินยาธิการออกตรวจพื้นที่พบพระเกย์ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ในเบื้องต้น พระวินยาธิการจะตักเตือนก่อน ถ้าพบอีกในครั้งที่ 2 จะต้องทำทัณฑ์บน และถ้าทำทัณฑ์บนแล้วยังฝ่าฝืนกระทำความผิดอีก จะถูกลงโทษขั้นเด็ดขาดให้ลาสิกขาขาดจากความเป็นสมณเพศ ด้วยการนำตัวพระรูปนั้นๆ ส่งไปให้วัดต้นสังกัดดำเนินการลงโทษทันที อย่างไรก็ดี ปัญหาเรื่องพระเกย์ในเขตเมืองหลวงที่ไม่ตรวจถูกพบเห็นจนตกเป็นข่าวดัง อาจเป็นเพราะในเขตกรุงเทพฯ มีคนอยู่อาศัยจำนวนมากและมีพระผู้ใหญ่ฝ่ายปกครองระดับสูงอยู่มากมาย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองคอยเป็นหูเป็นตา ทำให้การดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างเข้มงวด
พระเทพสุวรรณโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณ บุรี กล่าวถึงกรณีพระเกย์แต๋วตุ๊ดที่ทำให้ศาสนามัวหมองว่า ในส่วนของจังหวัดสุพรรณบุรีไม่ได้นิ่งนอนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีการตรวจสอบตลอดเวลาถึงพฤติกรรมเหล่านี้ของพระทั่วไปทั้งหมดทั้งจังหวัดทุก วัด และประสานจังหวัดอื่นๆ อีกว่าเรื่องดังกล่าวมีหรือไม่ อย่างไร เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่อาจทำให้ศาสนามัวหมอง หรือประชาชนเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ เพราะพระสงฆ์ต้องเป็นแบบอย่างเป็นตัวแทนของศาสนาพุทธ ซึ่งถ้ามีการร้องเรียนชี้ช่องเบาะแส หรือตรวจสอบพบต้องดำเนินการตามกระบวน การขั้นตอนของสงฆ์ทันที
เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีกล่าวอีกว่า พระเถรรูปไหนหมิ่นเหม่ในเรื่องนี้อาจให้พิจารณาตัวเองไปว่าเหมาะสม ควรไม่ควร อย่างไร ซึ่งจังหวัดสุพรรณบุรีเองขณะนี้ยังตรวจสอบไม่พบว่าวัด ใดมีพฤติกรรมดังกล่าว และไม่มีการร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ขอให้ดูอุทาหรณ์พระที่โดนระบุในเรื่องราวต่างๆ ว่ามีจุดจบอย่างไร ซึ่งถ้าใครมีการกระทำดังกล่าวขอให้แก้ไขเสียแต่วันนี้เพราะเรื่องนี้เป็น เรื่องใหญ่และยืนยันว่าพระสงฆ์คงต้องเป็นแบบอย่างเป็นตัวแทนในการสืบสานส่ง เสริมพระพุทธศาสนาแก่ชาวพุทธให้สงบร่มเย็นส่งเสริมคนทำดี ในเมื่อพระเป็นเองทำเสียเองก็เหมือนตำรวจริเป็นโจรเสียเองก็มีแต่เรื่องเสีย กับเสีย
ด้านพระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เรื่องนี้อาตมา เองก็หนักใจอย่างมาก ก็ได้มีคำสั่งไปยังเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ให้สอดส่องดูแลควบคุม อย่าให้พระหรือสามเณรพวกนี้ออกนอกลู่นอกทาง หากออกไปนอกวัด ให้ว่ากล่าวตักเตือนให้หนัก แต่จะไม่คาดหวังพึ่งสมภารแต่ละวัดให้ช่วยดูแลก็ไม่ไหว บางวัดเจ้าอาวาสก็อายุมาก บางวัดเจ้าอาวาสก็มีภารกิจนิมนต์หลายที่ จนไม่มีเวลาอบรมดูแลพระสงฆ์สามเณรในวัดของตน
พระเทพวิสุทธิคุณ เปิดเผยอีกว่า วันก่อนอาตมาได้รับนิมนต์ไปให้ศีลให้พรในวันครูที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ก็ได้พูดได้ฝากเรื่องพระตุ๊ดพระแต๋ว สามเณรตุ๊ดแต๋ว ผ่านผู้ปกครองและครูของเด็กทั้งหลาย ให้ช่วยกันดูแลลูกหลาน เพราะส่วนมาก เด็กที่มาบวชตามวัดต่างๆ ก็มาจากฐานะยากจน บางคนพ่อแม่ก็เป็นเอดส์เสียชีวิตทั้งคู่ ญาติๆ ก็นำมาบวชที่วัด โดยลูกหลานของตนก็มีลักษณะเบี่ยงเบน แต่ก็ต้องนำมาให้วัดรับภาระเลี้ยงดูโดยการนำมาบวชเป็นพระเป็นเณร ทางวัดเองจะไม่รับก็ไม่ได้ เพราะจะถูกกล่าวหาว่า ขาดเมตตา ก็ต้องจำใจรับ จะไม่รับแล้ว เด็กๆ พวกนี้จะไปอยู่ที่ไหนอย่างไร จะปล่อยให้เป็นเด็กจรจัด หรืออย่างไร รู้กฎของสงฆ์ นั้นต้องให้ครบองค์ประกอบ 32 ทุกประการ รวมทั้งห้ามกะเทยบวชด้วย แต่ทำอย่างไงได้ เรื่องนี้ถือว่าอาตมา หนักใจอย่างมาก ก็มีวิธีก็ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลและออกกฎระเบียบควบคุมแต่ละวัดดูแลพระลูก วัด สามเณร ของตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางวัดมีพระเณร ร่วม 2-3 พันรูป เจ้าอาวาสเองก็อายุมาก ดูแลคงไม่ไหว ก็ต้องมีประเภทออกนอกลู่นอกทาง เรื่องนี้หาทางแก้ลำบากมาก
เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต่อว่าจุดใหญ่มาจากการนำลูกหลานมาบวช สาเหตุมาจากฐานะยากจน เด็กขาดผู้ปกครอง ผู้ปกครองปัดภาระให้ทางวัด บางรายคิดว่ามาบวชแล้วชีวิตของลูกหลานจะดีขึ้น แต่ก็ตรงกันข้ามกลับมาทำให้พุทธศาสนาเสื่อมและเปลี่ยนไปไม่เหมาะสม สุดท้ายก็ต้องร่วมมือกันในหลายองค์กรให้ช่วยกันสอดส่องดู และใช้วิธีประณามหรือประจานให้เข็ดหรือหลาบจำ จะใช้บทลงโทษของสงฆ์หรือของสามเณร ก็เบาไป ก็ต้องใช้กฎของทางโลกผสมผสาน ด้วย ก็ได้ใช้วิธีแบบนี้มาตลอด ทำให้พระตุ๊ดพระแต๋วทั้งหลายลดบทบาทลงเยอะ
ด้าน นายวัลลภ นามวงค์พรหม คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าการนำเรื่องพระตุ๊ดพระแต๋วออกมาเผยแพร่ตีแผ่มาวิจารณ์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตนเองนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง เรื่องกระแสพระตุ๊ดพระแต๋วมีมานานแล้วและทางคณะสงฆ์รวมทั้งองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน ในจังหวัดเชียงใหม่ก็เฝ้าติดตามดูควบคุมพระที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนพวกนี้ อยู่ น้อยมากที่จะเห็นพระพวกนี้ทำผิดและถูกจับได้ ส่วนมากจะเป็นพระทั่วๆ ไป ที่ดื่มสุรา ครองสติไม่อยู่ ทะเลาะวิวาทกัน เรี่ยไร เป็นพระผู้ชายทั้งแท่ง มักจะกระทำผิดมากกว่าพระกะเทยด้วยซ้ำ
"หาก จะมองในสิ่งที่ดี พระกะเทยนั้นส่วนมากจะเป็นพระนักพัฒนา เมื่อมาอยู่ที่วัดแห่งไหนก็จะช่วยงานวัดนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี และจะเทศน์เก่ง คนนิยมฟังมีความศรัทธา มีมนุษยสัมพันธ์ในการพูดจาพาที มีจิตวิทยาในการพูดให้คนเกิดศรัทธา ไม่งมงาย พัฒนาวัดของตนเองที่อยู่ให้เรียบร้อยดูสวยงาม ทำให้ประชาชนในละแวกเกิดความเลื่อมใสศรัทธา มีเงินบริจาคเข้าวัดนำไปพัฒนาวัดให้เจริญ นี่คือจุดเด่น ส่วนข้อเสียก็คือจะตุ้งติ้ง ทำให้รู้สึกขัดสายตาพวกที่ไม่ชอบในลักษณะแบบนี้" นายวัลลภกล่าว
สำหรับ เรื่องที่ว่าพระกะเทยแอบไปเที่ยวสปา หรือสถานบันเทิงต่างๆ นั้น นายวัลลภกล่าวว่าตนคิดว่าน้อยมากหรือแทบไม่มี พวกนี้จะระมัด ระวังตัวเป็นพิเศษ ตนคิดว่าพวกที่หยิบเอากระแสพระเกย์หรือสามเณร ออกมาพูด เป็นพวกอยากดังอยากมีชื่อเสียง ทั้งที่ตนไม่ได้มาช่วยเหลืออะไรในสังคมของพระเลย แต่ออกมาพูดให้เสียหาย ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมเสีย และไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร
ด้านพระธรรม กิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวว่า ในเรื่องปัญหาพระเกย์ที่เกิดขึ้น ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มิได้นิ่งนอนใจ โดยที่ประชุมเคยมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานที่สนองงานให้คณะสงฆ์ ทำหนังสือไปถึงพระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ทุกระดับชั้นได้กำชับไปถึงพระ อุปัชฌาย์ให้เข้มงวดและตรวจสอบผู้ที่จะเข้ามาบวชอย่างละเอียดแล้ว เพื่อคัดกรองผู้ที่เหมาะสมเข้ามาบวชเรียนสืบทอดพระพุทธศาสนา แต่ก็ยอมรับว่าเรื่องพฤติกรรมส่วนบุคคลดูด้วยตาเปล่ายากมาก เพราะพฤติกรรมเหล่านี้สามารถเก็บซ่อนได้ ในเรื่องนี้ มีความจำเป็นที่จะต้องขอร้องจากผู้ที่เป็นเกย์เป็นตุ๊ดว่า ถ้ายังไม่มีความพร้อมที่จะประพฤติตนสำรวมอยู่ในเพศสมณะตามพระธรรมวินัยสงฆ์ ได้ ก็อย่าได้เข้ามาขอรับการอุปสมบทจากพระอุปัชฌาย์แต่อย่างใด