พระเกย์ออฟหนุ่มเสพกามกิจในกุฏิแฉร้อยละ20เกย์ห่มเหลือง
สลด พระเกย์ ออฟเด็กบาร์เกย์หิ้วเสพสุขในกุฏิเป็นประจำ กรรมการสภาวัฒนธรรมเชียงใหม่สุดทนแฉพระผู้ใหญ่กว่าร้อยละ 20 เป็นเกย์ห่มเหลือง ออกล่าเด็กหนุ่มยามค่ำคืน จี้สำนักพุทธฯ จัดระเบียบ
หลังเปิดโปงพฤติกรรมของ พระตุ๊ด เณรแต๋ว ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ออกเดินสายรับนิมนต์หาเงินเข้าคลินิกฉีดโบทอกซ์ทำหน้าเด้ง แถมยังแต่งจีวรรัดติ้วคล้ายชุดกิโมโน พร้อมหนีบย่ามที่ตัดสายสะพายให้สั้นคล้ายแฟชั่นกระเป๋าหลุยส์วิคตอง สร้างความกังวลใจแก่พุทธศาสนิกชนที่พบเห็น กระทั่งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกับสภาวัฒนธรรมจังหวัดและอีกหลายหน่วยงานสอดส่องดูแลมากขึ้น
ล่าสุด ขณะที่หลายหน่วยงานกำลังหาทางจัดระเบียบพระตุ๊ด เณรแต๋วอยู่นั้น กลับพบว่ายังมีกลุ่ม พระเกย์ ที่แฝงตัวในผ้าเหลืองอีกเป็นจำนวนมากที่สร้างพฤติกรรมสลดใจ โดยเฉพาะการออฟเด็กจากบาร์เกย์ไปให้บริการถึงกุฏิในวัด
นายนที ธีระโรจพงษ์ กรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังด้านวัฒนธรรมโดยอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย มีข้อมูลยืนยันว่าปัจจุบันมีพระสงฆ์ในวัดต่างๆ ทั่วเมืองเชียงใหม่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นพระเกย์ โดยพระเกย์กลุ่มนี้มีพฤติกรรมสะเทือนใจชาวพุทธด้วยการแอบ "สึกปก" หรือสลัดผ้าเหลืองแล้วเปลี่ยนชุดเป็นนฆราวาส เข้าไปใช้บริการในบาร์เกย์และสถานบริการนวดสำหรับชายรักชาย แต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ พระเกย์เหล่านี้ได้เรียกใช้บริการเด็กออฟจากบาร์เกย์กันอย่างคึกคัก โดยใช้วีธีโทรศัพท์เรียกเด็กหนุ่มให้ไปหาถึงกุฏิวัด ก่อนนำเงินใส่ซองขาวเป็นค่าบริการ
นายนที กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากเจ้าของบาร์เกย์แห่งหนึ่งใน อ.เมืองเชียงใหม่ ว่าที่ผ่านมาได้มีพระโทรศัพท์ออฟเด็กในบาร์ไปให้บริการถึงวัดบ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งทางบาร์ไม่มีใครทราบว่าเป็นพระ เพราะเสียงจากโทรศัพท์ไม่สามารถแยกแยะได้ จะมาทราบว่าเป็นพระก็เมื่อเด็กมาเล่าให้ฟังภายหลัง ส่วนพระที่แอบทิ้งผ้าเหลืองมาเที่ยวบาร์เกย์ ยอมรับว่ายังมีอยู่ ไม่ต่างจากพระอีกบางกลุ่มที่แอบไปเที่ยวคาราโอเกะ แต่ส่วนใหญ่หากพบแล้วจะเชิญให้ออกจากบาร์ทันที เพราะถือว่าไม่เหมาะสม แม้จะเป็นรสนิยมส่วนบุคคลก็ตาม
นอกจากเรียกใช้บริการทางเพศจากบาร์เกย์แล้ว ยังมีบางส่วนที่หิ้วชายหนุ่มคู่ขาขึ้นกุฏิเป็นประจำ เช่น ที่วัดแห่งหนึ่งย่านประตูเชียงใหม่ ขณะที่พระเกย์อีกจำนวนหนึ่งมักจะพาคู่ขาขึ้นพลอดรักตามสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำตกหลายแห่งในเขตอุทยานแก่งชาติสุเทพ-ปุย ซึ่งชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวที่ไปพักผ่อนหย่อนใจต่างสลดใจกับภาพที่พบเห็น
นายนที กล่าวด้วยว่าพฤติกรรมเหล่านี้มีมานานและเป็นที่รู้กันดีในวงการสงฆ์เมืองเชียงใหม่ แต่ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยออกมาพูดในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ต้องจำเป็นต้องออกมาเปิดเผย เพราะพระเหล่านี้ได้สร้างความหม่นหมองให้แก่พุทธศาสนาอย่างน่าละอาย โดยเรียกร้องให้พระที่มีพฤติกรรมเหล่านี้พิจารณาตัวเองและนำตัวเองออกจากสมณะเพศทันที และขอให้หน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องหามาตรการจัดระเบียบโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ซึ่งเป็นกลุ่มเฝ้าระวังด้านวัฒนธรรม กำลังรวบรวมข้อมูลและภาพถ่ายเพื่อเตรียมยื่นเรื่องต่อมหาเถระสมาคมในเร็วๆ นี้ เพื่อเรียกร้องให้มีมาตรการจัดระเบียบพระเณรกลุ่มนี้โดยเร็วที่สุด
นายหนุ่ม ( นามสมมติ ) อดีตเด็กหนุ่มที่เคยยึดอาชีพขายบริการในบาร์เกย์แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เล่าประสบการณ์ว่า ปีที่ผ่านมาเคยให้บริการกับพระเกย์ โดยพระรูปดังกล่าวได้โทรศัพท์มาออฟเด็กที่บาร์ โดยนัดหมายที่หลังวัดแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ในตอนแรกตนคิดว่าจะมีบ้านหรือห้องพักด้านหลังวัด แต่ปรากฏว่าไปถึงกลับเป็นทางเปลี่ยว ครู่ต่อมาลูกค้าคนดังกล่าวได้โทรศัพท์เข้ามือถือแล้วบอกว่าให้เดินเข้าประตูเล็กด้านหลังรั้ววัด และให้เข้าไปหาที่กุฏิ เมื่อไปถึงจึงทราบว่าลูกค้าคนดังกล่าวเป็นพระอายุประมาณ 35 ปี
นายหนุ่ม กล่าวว่า แม้จะเป็นพระแต่ก็จำเป็นต้องให้บริการ เพราะถือเป็นอาชีพ โดยพระรูปดังกล่าวได้ให้ตนอมนกเขาจนสำเร็จความใคร่ ก่อนนำเงินใส่ซองสีขาวให้ 1,350 บาท ซึ่งมากกว่าลูกค้าปกติที่เคยได้ประมาณ 500 - 1,000 บาท และนอกจากประสบการณ์ตรงที่เจอกับตัวเองแล้ว เพื่อนร่วมวงการยังบอกว่าเคยมีลูกค้าเป็นพระเรียกใช้บริการในกุฏิบ่อย
ด้าน นายจำลอง กิติศรี ผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำนักพุทธฯ มีความเป็นห่วงในปัญหาดังกล่าวมาก ซึ่งล่าสุดได้ประชุมร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สภาวัฒนธรรมจังหวัด รวมถึงตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหามาตรการแก้ไข ซึ่งยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาพระผู้ใหญ่ในแต่ละพื้นที่ทั้งเจ้าคณะตำบลและเจ้าคณะอำเภออาจ ดูแลพระในปกครองไม่ทั่วถึง เพราะไม่มีหน้าที่ที่จะต้องออกไปตรวจสอบ ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สื่อและประชาชนชาวเชียงใหม่จะร่วมกันเป็นหูเป็นตา แจ้งพฤติกรรมที่ได้พบเห็นให้แก่สำนักงานพระพุทธศาสนา เพื่อแจ้งไปยังพระผู้ใหญ่ให้ดำเนินการในทันที