กปปส.อ่านแถลงการณ์ย้ำ รบ.หมดอำนาจ 6 ข้อ จึงขอทวงคืนอำนาจสู่ประชาชน
"สุเทพ" อ่านแถลงการณ์ กปปส.ย้ำเหตุ รบ.หมดอำนาจ 6 ข้อ ทำทุกอย่างเพื่อความสุขของ "ทักษิณ" และครอบครัว จึงขอทวงคืนอำนาจกลับสู่ ปชช.
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม เวทีที่สนามม้านางเลิ้ง แกนนำ กปปส. ทุกคน ทุกเครือข่าย ร่วมกันร้องเพลงชาติ ร่วมกันมวลมหาประชาชมพร้อมๆ กัน ก่อนโห่ร้องไชโย 3 ครั้ง
จากนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ขึ้นแถลงข่าวว่า แถลงการณ์คณะกรรมการ กปปส. ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงชัดแจ้งว่าการบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯ อันมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มีการใช้อำนาจภายใต้การครอบงำและสั่งการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษในคดีอาญา ซึ่งหลบหนีคดีในต่างประเทศ และใช้อำนาจเหนือรัฐบาลและรัฐสภา ซึ่งป็นเพียงหุ่นเชิดให้ดำเนินการด้วยเรื่องที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หลายประการ
มีการใช้อำนาจโดยเสียงข้างมากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นการละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักสำคัญในระบบประชาธิปไตย บิดเบือนการปกครอง ประชาธิปไตย หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศ ไม่เป็นไปตามวิถีรัฐธรรมนูญ ด้วยการกระทำดังต่อไปนี้
1.ใช้อำนาจของรัฐสภา ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย และสมาชิก วุฒิสภา จำนวนหนึ่ง ซึ่งตกอยู่ใต้อำนาจ ใช้อำนาจแบบเผด็จการเสียงข้างมาก ไม่นำพาเสียงคัดค้านของประชาชน เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำลายดุลยภาพของการตรวจสอบ จนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำลายการตรวจอสอบถ่วงดุล โดยทำการฉ้อฉลและทรยศต่อความไว้วางใจของ ประชาชน ไม่ชอบด้วยคุณธรรมและจริยธรรม มีการลงมติแทนกัน และยังตัดสิทธิ์ที่จะให้แสดงความเห็น ซึ่งไม่ใช่การใช้เสียงข้างมากที่เป็นธรรม เช่นนานาอารยประเทศ
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าเป็นการทำลายหลักนิติธรรม และหลักประชาธิปไตยและได้อำนาจมาซึ่งผิดจากวิถีตามที่บัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีผลผูกพันเด็ดขาดทั้งคณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ แต่รัฐบาลโดยนายกฯ กลับเร่งนำร่างรัฐธรรมนูญที่มีปัญหาขึ้นทูลเกล้าฯ โดยไม่นำพาต่อรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่สนใจว่ากระทบต่อพระราชอำนาจและระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท
นอกจากนี้ ประธานสภา และประธานวุฒิสภา รมว.มหาดไทย กลับแถลงชัดเจนว่าไม่ยอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ โดยจงใจชัดแจ้ง ทั้งๆ ที่ควรจะดำรงรักษากฎหมายสูงสุด อันเป็นการกระทำย่ำยีต่อหลักนิติธรรม และประกาศตนอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ
2. ส.ส.ที่นำโดยกลุ่มการเมืองเผด็จการเสียงข้างมาก ตอนแรกแถลงว่าจะนิรโทษกรรมเฉพาะผู้เข้าร่วมชุมนุม โดยไม่รวมผู้สั่งการ แต่ท้ายที่สุดตระบัดสัตย์ รวบรัดแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ล้างผิดอาญาแผ่นดิน และคดีคอร์รัปชั่น รวมถึงการกระทำผิดมหันตโทษ และนิรโทษย้อนหลังไปปี 2547 โดยมุ่งหมายลบล้างกรณีกรือเซะ ตากใบ และการกระทำตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งกระทำครั้งนั้น เป็นนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2 พันคน ซึ่งไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ และยังรวบรัดลงมติเรื่องสำคัญในเวลา 04.30 น. ทรยศความไว้วางใจของประชาชน เป็นการนิรโทษกรรมแบบไร้เหตุผล ไม่ยึดหลักคุณธรรม ขัดต่อหลักนิรโทษสากล ที่ห้ามไม่ให้นิรโทษกรรมต่อผู้ทุจริตในวงราชการ แม้แต่ข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติยังห้ามไว้ก่อนหน้าแล้ว
และยังขัดต่อหลักการประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง เพราะหลักเสียงข้างมากที่เอื้อประโยชน์ให้บางคน รวบรัดเร่งรีบผิดวิสัยผู้สุจริต เป็นลักษณะเผด็จการเสียงข้างมาก ทั้งเป็นการล้มล้างอำนาจฝ่ายตุลาการ และองค์กรตรวจสอบ ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญชัดแจ้ง แม้นายกฯ จะอ้างว่าไม่ใช่ผู้เสนอกฎหมาย แต่ในความเป็นจริง คุมเสียงข้างมากในสภา นายกฯ จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบดังกล่าวได้
3. รัฐบาลเพิกเฉยต่อการใช้ความรุนแรงที่ผิดกฎหมาย ของกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาล เป็นเหตุให้นักศึกษารามเสียชีวิต ให้ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่จะปกป้องชีวิต รักษานักศึกษาผู้บริสุทธิ์ ไม่คำนึงหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ รัฐบาลยังเลือกปฏิบัติกรณีที่ฝ่ายตนได้รับความเสียหายกับเหตุลจลาจลในปี 2553 ให้มีสิทธิพิเศษกว่าผู้เสียหายทั่วไป หนือกว่า ตำรวจ พลเรือน ทหาร ทั้งที่คนเหล่านั้นเป็นผู้ต้องหากระทำผิดร้ายแรง เพียงพื่อหวังผลทางการเมือง เพื่อให้ตนได้อำนาจไม่ชอบ
4. รัฐบาลและรัฐสภาที่นำโดยกลุ่มการเมืองเผด็จการเสียงข้างมากในสภา กระทำทั้งตรงและอ้อมสร้างความแตกแยก ทำการปลุกปั่นยุยง และหลอกลวงในหมู่ประชาชน ใช้กำลังมวลชนข่มขู่ประชาชน และผู้ปฏิบัติหน้าที่ตุลาการ แต่รัฐบาลไม่ทำอะไร ในขณะที่ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลกลับถูกรัฐบาลเล่นงานเต็มที่ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมเคารพกฎหมาย ทั้งๆ ที่ตนเอ
งนั้นฉีกรัฐธรรมนูญก่อนผู้อื่นเสียอีก เพื่อให้ตนได้ประโยชน์ ครั้นตนเสียประโยชน์กลับไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนั้น พฤติกรรมอย่างนี้ยิ่งกว่ามือถือสากปากถือศีล
5. รัฐบาลใช้อำนาจเล่นพรรคเล่นพวก รังแกข้าราชการแต่งต้งโยกย้าย ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่สุจริตไม่เป็นธรรม แต่งตั้งผู้ด้อย ประสบการณ์ และพวกพ้อง ดำรงตำแหน่งระดับสูงในหน่วยงานรัฐ เพื่อรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนทำให้เกิดความเสียหายแก่หลักคุณธรรมและธรรมภิบาล
6. รัฐบาลกระทำการทุจริตและปรพะฤติมิชอบในวงการราชการ หลายประการ และอย่างแพร่หลาย กว้างขวาง ใช้นโยบายประชานิยมนำมาซึ่งความเสียหายด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทำให้ระบบการเงินการคลังได้รับความเสียหาย ทำให้การแข่งขันของประเทศลดลง เช่น โครงการจำนำข้าว ที่มีการทุจริตหลายแสนล้านบาท โครงการบริหารจัดการน้ำ ที่จะต้องกู้เงินหลายแสนล้าน และมีการกระทำส่อไปในทางทุจริตเชิงนโยบาย และจะกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีแนวางฉ้อฉลและมีแนวโน้มจะทุจริตและล้มเหลวในการดำเนินโครงการ แต่สร้างหนี้ผูกพันให้ประเทศชาติ
อนึ่ง การทุจริตผู้ได้ประโยชน์คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ซึ่งกระทำกันอย่างซึ่งหน้า และหน้าไม่อาย ดังนั้น คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัติย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ประกอบด้วยมวลมหาประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ จึงไม่อาจยินยอมให้กลุ่มการเมืองและทุนนิยมเผด็จการใช้ระบบรัฐสภา ทำการหักหลังความไว้วางใจ ทำลายดุลภาพ และกระทำการให้ได้อำนาจในการปกครองประเทศ ไม่เป็นไปตามครรลอง หรือวิธีประชาธิปไตย เมื่อรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความผาสุก กลับทรยศประชาชนเพื่อความมั่นคงและผาสุกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว และบริวาร ทำลายสัญญาประชาคมอย่างชัดเจน ประชาชนจึงไม่จำเป็นต้องยกอำนาจของตัวแทนให้อีก
ดังนั้น อาศัยอำนาจรประชาชน ตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญญัติว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ขอประกาศว่ามวลมหาประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้รักความเป็นธรรมทุกคน ที่ได้แสดงพลังร่วมกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจำเป็นต้องพิทักษ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงใช้สิทธิ์เรียกคืนอำนาจการปกครองแผ่นดินคืนกลับ สู่อำนาจของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดนั้น อันเป็นการประชาพิวัตน์ เพื่อปฏิรูปประเทศ ขจัดอันตรายคอร์รัปชั่น และดำเนินการบ้านเมืองให้เกิดประโยชน์แท้จริงต่อทุกภาคส่วน
คณะ กปปส. ขอประกาศยืนยันแทนมวลมหาประชาชนว่า พวกเราทั้งหลาย ปวงชนชาวไทยทั้งหลายมีความจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์และจะร่วมพิทักษ์ราช
บัลลังก์ด้วยชีวิต
อนึ่ง คณะ กปปส. จะยึดมั่นในพันธกรณีระหว่างประเทศ และรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศต่อไป และขอความร่วมมือประชาชนในการสร้างอนาคตที่เป็นทำ ผาสุก สงบ สันติ เพื่อหลูกหลานสือบต่อไป
ประกาศ ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2556
ลงชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.