เรือโชว์โหด!เปิดรังทุบปืนแตก6-3 ขึ้นรองจ่าฝูง
ฟุตบอล : ศึกบิ๊กแมตช์ ประจำสัปดาห์ สุดมันส์ “เรือใบสีฟ้า” เปิดบ้านดาหน้าไล่ถล่ม “ไอ้ปืนใหญ่”จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกแบบไม่ไว้หน้า 6-3
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ ประจำวัน เสาร์ ที่ 14 ธันวาคม 2556 เป็นการพบกันระหว่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิด เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เจ้าบ้านรั้งอันดับที่ 4 ของตาราง ส่วนทีมเยือนนำเป็นจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีก
เริ่มเกมการแข่งขัน รูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้าน “เรือใบสีฟ้า” ที่ครองบอลเปิดเกมบุกใส่ ทีมเยือนอย่างหนักตั้งแต่ต้นเกม แต่แนวรับ อาร์เซน่อล ยังไม่พลาดง่ายๆ
เกมผ่านมาในนาทีที่ 13 แฟน “เรือใบสีฟ้า” ได้เฮกันลั่นสนาม จากจังหวะเตะมุม ซามีร์ นาสรี่ เปิดบอลเข้ามา และเป็น มาร์ติน เดมิเคลิส โดดโหม่งเช็ดบอลไปที่เสาสอง ให้ เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ ได้วอลเลย์เต็มข้อส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย อย่างสวยงาม ช่วยให้ “เรือใบสีฟ้า” ออกนำ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 1-0
นาทีที่ 20 แมนฯซิตี้ เกือบจะได้ประตูหนีห่าง จากจังหวะที่ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ตัดบอลได้ที่กลางสนาม เจ้าตัวแทงบอลตัดแนวรับ อาร์เซน่อล ไปให้กับ อัลบาโร่ เนเกรโด้ ที่วิ่งทำทางมาก่อนจะยิงยัดเสาแรกบอลออกหลังไปแบบได้ลุ้น
นาทีที่ 25 แนวรับ อาร์เซน่อล โดนบุกอย่างต่อเนื่อง อัลบาโร่ เนเกรโด้ ได้บอลทางฝั่งขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ ให้ ยาย่า ตูเร่ ซัดเต็มๆแต่บอลเหินข้ามคานออกไปไกล
นาทีที่ 29 “เดอะกันเนอร์ส” ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะ ฟรีคิก ใกล้มุมธงฝั่งซ้าย ธีโอ วัลค็อตต์ ได้กึ่งยิงกึ่งเปิด บอลโค้งเข้าหาประตูแต่ คอสเตล ปันติลิม่อน โดดชกบอลออกไปได้
นาทีที่ 30 กองเชียร์ “เดอะกันเนอร์ส” ได้เฮกันลั่นสนาม จากจังหวะที่ ยาย่า ตูเร่ พลาดโดน แจ็ค วิลเชียร์ ฉกบอลไปได้ ก่อนจะจ่ายให้ เมซุต โอซีล ที่วิ่งฉีกมาทางซ้าย ก่อนที่ จอมทัพ “อินทรีเหล็ก”จะจ่ายบอลเข้ามาที่หน้ากรอบเขตโทษให้ ธีโอ วัลค็อตต์ แปบอลเน้นๆ ผ่าน มาร์ติน เดมิเคลิศ ที่พยายามจะโหม่งสกัด ส่งให้บอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แบบที่ คอสเตล ปันติลิม่อน ได้แต่ยืนมองขาตาย อาร์เซน่อล ตามตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1
เกมผ่านมาในนาทีที่ 38 กองเชียร์ฝั่งเจ้าถิ่นมาได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้ง จากจังหวะที่ ยาย่า ตูเร่ จ่ายบอลให้กับ ปาโบล ซาบาเลต้า ที่วิ่งฉีกแนวรับ “ปืนใหญ่” เข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะจ่ายเข้ากลางให้ อัลบาโร่ เนเกรโด้ เข้าชาร์ตจ่อๆระยะเผาขนไม่เหลือซาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ อาร์เซน่อล อีกครั้ง 2-1
นาทีที่ 41 อาร์เซน่อล เปลี่ยนตัวผู้เล่น ส่ง โธมัส แฟร์มาเล่นลงไปแทน โลร็องต์ กอสเซียลนี่
นาทีที่ 45 แมนฯซิตี้ ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะเตะมุม ซามีร์ นาสรี่ เปิดบอลเข้ามา และเป็น มาร์ติน เดมิเคลิส ขึ้นโหม่งแต่กดบอลไม่ลงข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
จบเกมการแข่งขันในครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ อาร์เซน่อล 2-1
เริ่มเกมในครึ่งหลัง นาทีที่ 50 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนตัวคนแรกเอา เฆซุส นาบาส ลงไปแทน เซร์คิโอ อเกวโร่
นาทีที่ 51 กองเชียร์ “เรือใบสีฟ้า” ได้เฮกันลั่น เอติฮัด สเตเดี้ยม จากจังหวะผิดพลาดของแนวรับ อาร์เซน่อล เมื่อ บาการี่ ซาญ่า จ่ายบอลให้ มาติเยอ ฟลามินี่ พลาดจับบอลไม่ได้ โดน แฟร์นันดินโญ่ ฉกบอลไปก่อนที่เจ้าตัวจะบรรจงปั่นบอลหนีมือ วอยเช็ก เชสนี่ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำประตูหนีห่าง อาร์เซน่อล ไปที่ 3-1
เกมผ่านมาในนาทีที่ 62 “เดอะกันเนอร์ส” ทำสกอร์ไล่ตามมาอีกครั้งจากจังหวะที่ อารอน แรมซี่ย์ กระดกบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ ธีโอ วัลค็อตต์ ก่อนที่เจ้าตัวจะบรรจงปั่นบอลหนีมือ คอสเตล ปันติลิม่อน นายทวารเจ้าถิ่นเข้าไปอย่างสวยงามหมดจด อาร์เซน่อล ไล่ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-3
นาทีที่ 65 แมนฯซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างอีกครั้งจากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส เลี้ยงบอลจี้เข้ามาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ามาที่หน้าประตู และเป็น ดาบิด ซิลบา เข้าชาร์ตจ่อๆไม่เหลือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ อาร์เซน่อล 4-2
นาทีที่ 71 แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนตัวผู้เล่น ส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงไปแทน ดาบิด ซิลบา
นาทีที่ 72 อาร์เซน่อล เปลี่ยนตัว ส่ง เซอร์เก กนาบรี แทน มาตีเยอ ฟลามินี่
นาทีที่ 76 “เดอะกันเนอร์ส” เปลี่ยนเอา นิคลาส เบนท์เนอร์ ลงไปแทน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
นาทีที่ 83 “เรือใบสีฟ้า” ยังเร่งเครื่องเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แฟร์นันดินโญ่ ได้โอกาสส่องไกลเต็มข้อ แต่ วอยเช็ก เชสนี่ ยังป้องกันเอาไว้ได้
อาร์เซน่อล พยายามเปิดเกมรุกหวังทำประตูไล่ตาม แมนฯซิตี้ แต่ยังทำอะไรไม่ได้มากนัก นิคลาส เบนท์เนอร์ แทบจะถูกตัดออกไปจากเกม
นาทีที่ 88 กองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้ง จากจังหวะที่ แฟร์นันดินโญ่ ล็อกหลบแนวรับ อาร์เซน่อล ก่อนจะหลุดเข้ามาเจ้าตัวชิพบอลข้ามตัว วอยเช็ก เชสนี่ ที่ผวาออกมาปิดมุม เข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง อาร์เซน่อล 5-2
นาทีที่ 89 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง ฆาบี้ การ์เซีย ลงไปแทน ซามีร์ นาสรี่
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 92 บาการี่ ซาญ่า เปิดบอลเข้ามาที่หน้าประตู และเป็น แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ที่โดดโหม่งเข้าไปให้ อาร์เซน่อล ตามมาที่ 5-3
หลังจากนั้น นาทีที่ 93 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตอกฝาโลง จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ หลุดเดี่ยวเข้ามาก่อนแตะบอลหนี วอยเช็ก เชสนี่ และโดน นายด่าน “เดอะกันเนอร์ส”สกัดล้มลงไปในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ไม่รอช้าเป่าให้ลูกจุดโทษทันที และเป็น ยาย่า ตูเร่ ที่รับหน้าที่สังหาร ไม่พลาด ยิงบอลไปด้านซ้าย แต่ วอยเช็ก เชสนี่ พุ่งผิดไปอีกทาง แมน ฯซิตี้ นำห่าง 6-3 และ มาร์ติน แอตกินสัน เป่านกหวีดจบเกมการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านไล่ถล่ม อาร์เซน่อล 6-3 เก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ
รายชื่อ 11 ตัวจริง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3): คอสเตล ปันติลิม่อน, ปาโบล ซาบาเลต้า, มาร์ติน เดมิเคลิส, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, กาแอล กลิชี่, ซามีร์ นาสรี่ ( ฆาบี้ การ์เซีย น.89 ), แฟร์นันดินโญ่, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา (เจมส์ มิลเนอร์ น.71), เซร์คิโอ อเกวโร่ ( เฆซุส นาบาส น. 50 ), อัลบาโร่ เนเกรโด้
ตัวสำรอง : โจ ฮาร์ท, โจลีออน เลสค็อตต์, เอดิน เซโก้, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ
รายชื่อ 11 ตัวจริง อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : วอยเช็ก เชสนี่, บาการี่ ซาญ่า, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โลร็องต์ กอสเซียลนี่ (โธมัส แฟร์มาเล่น น.41), นาโช มอนเรอัล, อารอน แรมซี่ย์, มาตีเยอ ฟลามินี่ ( เซอร์เก กนาบรีน. 72), ธีโอ วัลค็อตต์, เมซุต โอซิล, แจ็ค วิลเชียร์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (นิคลาส เบนท์เนอร์ น.76)
ตัวสำรอง : โทมัส โรซิซกี้, มิเกล อาร์เตต้า, ซานติ กาซอร์ล่า, ลูคัส ฟาเบียนสกี้
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ ประจำวัน เสาร์ ที่ 14 ธันวาคม 2556 เป็นการพบกันระหว่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิด เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เจ้าบ้านรั้งอันดับที่ 4 ของตาราง ส่วนทีมเยือนนำเป็นจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีก
เริ่มเกมการแข่งขัน รูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้าน “เรือใบสีฟ้า” ที่ครองบอลเปิดเกมบุกใส่ ทีมเยือนอย่างหนักตั้งแต่ต้นเกม แต่แนวรับ อาร์เซน่อล ยังไม่พลาดง่ายๆ
เกมผ่านมาในนาทีที่ 13 แฟน “เรือใบสีฟ้า” ได้เฮกันลั่นสนาม จากจังหวะเตะมุม ซามีร์ นาสรี่ เปิดบอลเข้ามา และเป็น มาร์ติน เดมิเคลิส โดดโหม่งเช็ดบอลไปที่เสาสอง ให้ เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ ได้วอลเลย์เต็มข้อส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย อย่างสวยงาม ช่วยให้ “เรือใบสีฟ้า” ออกนำ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 1-0
นาทีที่ 20 แมนฯซิตี้ เกือบจะได้ประตูหนีห่าง จากจังหวะที่ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ตัดบอลได้ที่กลางสนาม เจ้าตัวแทงบอลตัดแนวรับ อาร์เซน่อล ไปให้กับ อัลบาโร่ เนเกรโด้ ที่วิ่งทำทางมาก่อนจะยิงยัดเสาแรกบอลออกหลังไปแบบได้ลุ้น
นาทีที่ 25 แนวรับ อาร์เซน่อล โดนบุกอย่างต่อเนื่อง อัลบาโร่ เนเกรโด้ ได้บอลทางฝั่งขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ ให้ ยาย่า ตูเร่ ซัดเต็มๆแต่บอลเหินข้ามคานออกไปไกล
นาทีที่ 29 “เดอะกันเนอร์ส” ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะ ฟรีคิก ใกล้มุมธงฝั่งซ้าย ธีโอ วัลค็อตต์ ได้กึ่งยิงกึ่งเปิด บอลโค้งเข้าหาประตูแต่ คอสเตล ปันติลิม่อน โดดชกบอลออกไปได้
นาทีที่ 30 กองเชียร์ “เดอะกันเนอร์ส” ได้เฮกันลั่นสนาม จากจังหวะที่ ยาย่า ตูเร่ พลาดโดน แจ็ค วิลเชียร์ ฉกบอลไปได้ ก่อนจะจ่ายให้ เมซุต โอซีล ที่วิ่งฉีกมาทางซ้าย ก่อนที่ จอมทัพ “อินทรีเหล็ก”จะจ่ายบอลเข้ามาที่หน้ากรอบเขตโทษให้ ธีโอ วัลค็อตต์ แปบอลเน้นๆ ผ่าน มาร์ติน เดมิเคลิศ ที่พยายามจะโหม่งสกัด ส่งให้บอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แบบที่ คอสเตล ปันติลิม่อน ได้แต่ยืนมองขาตาย อาร์เซน่อล ตามตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1
เกมผ่านมาในนาทีที่ 38 กองเชียร์ฝั่งเจ้าถิ่นมาได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้ง จากจังหวะที่ ยาย่า ตูเร่ จ่ายบอลให้กับ ปาโบล ซาบาเลต้า ที่วิ่งฉีกแนวรับ “ปืนใหญ่” เข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะจ่ายเข้ากลางให้ อัลบาโร่ เนเกรโด้ เข้าชาร์ตจ่อๆระยะเผาขนไม่เหลือซาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ อาร์เซน่อล อีกครั้ง 2-1
นาทีที่ 41 อาร์เซน่อล เปลี่ยนตัวผู้เล่น ส่ง โธมัส แฟร์มาเล่นลงไปแทน โลร็องต์ กอสเซียลนี่
นาทีที่ 45 แมนฯซิตี้ ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะเตะมุม ซามีร์ นาสรี่ เปิดบอลเข้ามา และเป็น มาร์ติน เดมิเคลิส ขึ้นโหม่งแต่กดบอลไม่ลงข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
จบเกมการแข่งขันในครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ อาร์เซน่อล 2-1
เริ่มเกมในครึ่งหลัง นาทีที่ 50 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนตัวคนแรกเอา เฆซุส นาบาส ลงไปแทน เซร์คิโอ อเกวโร่
นาทีที่ 51 กองเชียร์ “เรือใบสีฟ้า” ได้เฮกันลั่น เอติฮัด สเตเดี้ยม จากจังหวะผิดพลาดของแนวรับ อาร์เซน่อล เมื่อ บาการี่ ซาญ่า จ่ายบอลให้ มาติเยอ ฟลามินี่ พลาดจับบอลไม่ได้ โดน แฟร์นันดินโญ่ ฉกบอลไปก่อนที่เจ้าตัวจะบรรจงปั่นบอลหนีมือ วอยเช็ก เชสนี่ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำประตูหนีห่าง อาร์เซน่อล ไปที่ 3-1
เกมผ่านมาในนาทีที่ 62 “เดอะกันเนอร์ส” ทำสกอร์ไล่ตามมาอีกครั้งจากจังหวะที่ อารอน แรมซี่ย์ กระดกบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ ธีโอ วัลค็อตต์ ก่อนที่เจ้าตัวจะบรรจงปั่นบอลหนีมือ คอสเตล ปันติลิม่อน นายทวารเจ้าถิ่นเข้าไปอย่างสวยงามหมดจด อาร์เซน่อล ไล่ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-3
นาทีที่ 65 แมนฯซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างอีกครั้งจากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส เลี้ยงบอลจี้เข้ามาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ามาที่หน้าประตู และเป็น ดาบิด ซิลบา เข้าชาร์ตจ่อๆไม่เหลือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ อาร์เซน่อล 4-2
นาทีที่ 71 แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนตัวผู้เล่น ส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงไปแทน ดาบิด ซิลบา
นาทีที่ 72 อาร์เซน่อล เปลี่ยนตัว ส่ง เซอร์เก กนาบรี แทน มาตีเยอ ฟลามินี่
นาทีที่ 76 “เดอะกันเนอร์ส” เปลี่ยนเอา นิคลาส เบนท์เนอร์ ลงไปแทน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
นาทีที่ 83 “เรือใบสีฟ้า” ยังเร่งเครื่องเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แฟร์นันดินโญ่ ได้โอกาสส่องไกลเต็มข้อ แต่ วอยเช็ก เชสนี่ ยังป้องกันเอาไว้ได้
อาร์เซน่อล พยายามเปิดเกมรุกหวังทำประตูไล่ตาม แมนฯซิตี้ แต่ยังทำอะไรไม่ได้มากนัก นิคลาส เบนท์เนอร์ แทบจะถูกตัดออกไปจากเกม
นาทีที่ 88 กองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้ง จากจังหวะที่ แฟร์นันดินโญ่ ล็อกหลบแนวรับ อาร์เซน่อล ก่อนจะหลุดเข้ามาเจ้าตัวชิพบอลข้ามตัว วอยเช็ก เชสนี่ ที่ผวาออกมาปิดมุม เข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง อาร์เซน่อล 5-2
นาทีที่ 89 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง ฆาบี้ การ์เซีย ลงไปแทน ซามีร์ นาสรี่
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 92 บาการี่ ซาญ่า เปิดบอลเข้ามาที่หน้าประตู และเป็น แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ที่โดดโหม่งเข้าไปให้ อาร์เซน่อล ตามมาที่ 5-3
หลังจากนั้น นาทีที่ 93 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตอกฝาโลง จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ หลุดเดี่ยวเข้ามาก่อนแตะบอลหนี วอยเช็ก เชสนี่ และโดน นายด่าน “เดอะกันเนอร์ส”สกัดล้มลงไปในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ไม่รอช้าเป่าให้ลูกจุดโทษทันที และเป็น ยาย่า ตูเร่ ที่รับหน้าที่สังหาร ไม่พลาด ยิงบอลไปด้านซ้าย แต่ วอยเช็ก เชสนี่ พุ่งผิดไปอีกทาง แมน ฯซิตี้ นำห่าง 6-3 และ มาร์ติน แอตกินสัน เป่านกหวีดจบเกมการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านไล่ถล่ม อาร์เซน่อล 6-3 เก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ
รายชื่อ 11 ตัวจริง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3): คอสเตล ปันติลิม่อน, ปาโบล ซาบาเลต้า, มาร์ติน เดมิเคลิส, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, กาแอล กลิชี่, ซามีร์ นาสรี่ ( ฆาบี้ การ์เซีย น.89 ), แฟร์นันดินโญ่, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา (เจมส์ มิลเนอร์ น.71), เซร์คิโอ อเกวโร่ ( เฆซุส นาบาส น. 50 ), อัลบาโร่ เนเกรโด้
ตัวสำรอง : โจ ฮาร์ท, โจลีออน เลสค็อตต์, เอดิน เซโก้, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ
รายชื่อ 11 ตัวจริง อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : วอยเช็ก เชสนี่, บาการี่ ซาญ่า, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โลร็องต์ กอสเซียลนี่ (โธมัส แฟร์มาเล่น น.41), นาโช มอนเรอัล, อารอน แรมซี่ย์, มาตีเยอ ฟลามินี่ ( เซอร์เก กนาบรีน. 72), ธีโอ วัลค็อตต์, เมซุต โอซิล, แจ็ค วิลเชียร์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (นิคลาส เบนท์เนอร์ น.76)
ตัวสำรอง : โทมัส โรซิซกี้, มิเกล อาร์เตต้า, ซานติ กาซอร์ล่า, ลูคัส ฟาเบียนสกี้
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน