ต้อย แอคเนอร์ โวยคนใส่ร้าย ย้ำไม่โกรธน้องโอ๋-พร้อมเจรจา
ต้อย แอคเนอร์ แถลงเคลียร์ปัญหาโต้ นศ.ฝึกงาน เผย มีคนใส่ป้ายสี ยันไม่โกรธคู่กรณีพร้อมนัดเจรจาปรับความเข้าใจทุกเวลา ด้านกลุ่มเสียงนิสิต บุกออฟฟิศประท้วงเรียกร้องให้ออกมาสู้ความจริง วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกัน นศ.หญิงด่วน
(21ม.ค.) นายเกรียงศักดิ์ สกุลชัย หรือ ต้อย แอคเนอร์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มายาแชลแนล เปิดแถลงข่าวกรณีถูกนักศึกษาฝึกงาน แจ้งความดำเนินคดีในข้อหากระทำอนาจาร ณ ที่ทำการกองบรรณาธิการมายาแชลแนล ย่านอาร์ซีเอ โดยนายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่น.ส.เพชรคัมภรณ์ หรือ น้องโอ๋ งามช่อชัยพฤกษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังและพริตตี้สินค้าชื่อดังต่างๆ ซึ่งฝึกงานอยู่ที่บริษัทของตนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตนในข้อหาอนาจาร ตนขอเรียนให้ทราบว่า รู้สึกเสียใจและตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ตนไม่อาจให้รายละเอียดหรือพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะเกี่ยวพันรูปคดีที่ต้องดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับประเด็นที่ตกเป็นข่าวส่วนสำคัญมีดังนี้คือ สภาพการตกเป็นข่าวในลักษณะนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าผู้เสียหายหรือตนก็ตามไม่มีใครบวกสักคน หลายอย่างหลายกรณีที่ทำให้เชื่อน่ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งใช้ให้น้องเป็นเครื่องมือ เพื่อหวังอย่างอื่นแน่นอน ขณะนี้ทีมทนายความซึ่งแต่งตั้งมา 5 คน กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อตามหาข้อเท็จจริง
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ความจริงนั้นตัวน้องโอ๋ ก็รู้ดีว่ามีเจตนาไม่ดีจริงมีการวางแผนล่อลวงเพื่อปลุกปล้ำจริง คงไม่มีใครแต่งตัวใส่สูทผูกไทด์ หรือนัดทั้งทนายความ หรือเพื่อนสนิทมาด้วย ประตูห้องก็เปิดอยู่ คนรถก็นั่งสูบบุหรี่อยู่ด้านนอก ตรงบันไดหนีไฟ หรือแม้กระทั่งการกอดจูบ ขณะผูกเชือกรองเท้า ก้มต่ำอย่างนั้นจะกอดได้อย่างไร
การตะโกนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนซึ่งอยู่ห่างกันแค่ 4-5 ก้าว เพื่อนก็ต้องได้ยิน ช่วงระยะแค่ไม่ถึง 1 นาที ที่เพื่อนไปเช็ดน้ำมูกในห้องน้ำแล้วเดินออกมา สิ่งที่ตนมั่นใจมากว่า น้องโอ๋ ไม่น่าจะเป็นคนคิดวางแผนในเรื่องนี้ก็คือ การใส่ความว่า น้องส้ม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ปี 1 ว่าเป็นนางนกต่อ สมคบกับคนรถเพื่อหลอกลวงน้องโอ๋มาซึ่งน้องโอ๋ก็รู้ดีว่าเพื่อนสนิทไม่มีทางที่จะทำอย่างนั้นเพื่อทำลายกันได้
แม้ตนจะรู้จักกับน้องโอ๋ มาไม่นาน แต่ก็พอจะมองออกว่าอุปนิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างไร ยิ่งทำให้คิดว่าไม่มีสิ่งไหนที่จะทำให้เชื่อว่า น้องโอ๋ เป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง ในใจน้องโอ๋ ไม่เคยคิดจะทำลายเพื่อนสนิทอย่างน้องส้ม ได้แน่นอน ทุกวันนี้ตนกับน้องส้ม จึงตกเป็นจำเลยของสังคม ซึ่งตนให้เกียรติกับทุกสถาบันการศึกษา ให้เกียรตินักศึกษาฝึกงานทุกคน ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา 20 ปี มีนักศึกษาฝึกงานผ่านองค์กรแห่งนี้ไปนับ 100 คน ยืนยันว่า ไม่เคยล่วงละเมิดหรือทำมิดีมิร้าย ให้เสื่อมศีลธรรมเลยแม้แต่คนเดียว เพราะตระหนักอยู่เสมอว่า นักศึกษาหรือสถาบันการศึกาคือส่วนที่เราต้องเคารพและให้เกียรติ ใครจะเข้าใจอย่างไร ตนไม่สามารถไปบังคับให้ใครคิดได้แต่ความจริงจะต้องพิสูจน์ได้ นายเกรียงศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้นายเกรียงศักดิ์ ยังได้กล่าวอีกว่า สำหรับหมายเลขห้องชั้น 8 ที่น้องโอ๋ บอกว่าตนนำหมายเลขห้องออก เพื่อหลบหลีกความผิดจนคนส่วนมากเข้าใจว่า ตนมีพฤติกกรรมส่อไปในทางพิรุธ หลายคนเห็นรวมทั้งสื่อทีวีต่างๆ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าไม่มีความผิดจะเอาป้ายหมายเลขห้องออกทำไม? ข้อเท็จจริงคือประตูห้องดังกล่าว คือประตูที่หม่ เจาะใหม่เพราะตนซื้อบายใหม่มาเปลี่ยนแทนบานเก่า ซึ่งตนเห็นว่ามันไม่สวยตั้งใจจะหาดีไซน์สวยๆ ให้เข้ากับบานประตู เจ้าหน้าที่คอนโด ตลอดจนผู้จัดการ แม่บ้าน และ รปภ.ของคอนโด ทุกคนทราบดีว่า ที่ห้องยังไม่ได้ติดเบอร์ห้องเพราะ ตนอยู่มานานใครๆ ก็รู้ว่าห้องนี้เป็นห้องใคร หากมีการถอดออกก็ต้องมีรอยงัดเรื่องนี้สามารถให้กองพิสูจน์หลักฐานมาพิสูจน์ได้เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์
พร้อมกันนี้ตนยังมั่นใจอย่างมากในความเชื่อที่ว่า น้องโอ๋ ไม่ได้เป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาคือเรื่องไปยืนชี้รถสปอร์ตโลตัส แล้วยืนยันว่าตนขับพาไปงานต่างๆ และไปทำข่าวตามที่เห็นผ่านสื่อนั้น น้องโอ๋ ก็รู้ดีว่าเพิ่งเคยเห็นรถคันดังกล่าวเพียงหนเดียว และเห็นพร้อมกับน้องส้ม วันที่มาคอนโด น้องโอ๋ ก็รู้ดีจึงอยากให้น้องโอ๋พูดความจริงออกมาว่ามีใครชี้นำ สำหรับตนไม่ติดใจและพร้อมให้กำลังใจเสมอ เรื่องนี้จะมีเบื้องหลังเบื้องลึกหรือผู้คิดการอย่างไร ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ถึงยังไงเรื่องก็จะต้องดำเนินไปตามเส้นทางของคดีความอยู่แล้ว ส่วนตัวก็ไม่ได้โกรธน้องโอ๋ เลยแม้ข่าวที่ออกไปจะสร้างภาพลบให้กับตนอย่างมหาศาล เรื่องนี้ถือเป็นอุบัติเหตุนอกเส้นทาง ถ้าเราไม่ได้กระทำความผิดก็ไม่ต้องกลัวอะไร วันนี้เรามาตั้งสติพร้อมกัน ยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ความถูกต้อง เราต้องเป็นกำลังใจให้กัน ทุกคนเข้าใจผิดได้ และทุกคนก็สามารถให้อภัยกันได้
ท้ายที่สุดถึงคดีจะจบอย่างไร ตนก็จะไม่ทำการฟ้องกลับน้องโอ๋ แน่นอนขอยืนยันว่าไม่โกรธ ไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้จะมีเอกสารข้อมูลต่างๆ ที่หลายฝ่ายนำมาให้เพื่อชี้แจงให้เห็นว่าครอบครัวน้องโอ๋ มีปัญหาอะไรดรุมเร้าอยู่ ในฐานะพี่ ในฐานะเจ้านาย ก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษา และช่วยเหลือทุกเรื่อง ไม่ต้องห่วงเรื่องคดีความ
เมื่อถึงที่สุดเรื่องจะจบอย่างไรทุกคนพลาดได้ ทุกคนเข้าใจผิดได้ ถ้าคนในสังคมรู้จักแยกแยะเรื่องราวต่างๆ ปัญหาทางสังคมก็จะลดลงด้วย นายเกรียงศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายปรีชา ณ เชียงใหม่ ทนายความของนายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับในแง่กฎหมายตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะหาข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ แต่ตนยืนยันว่า นายเกรียงศักดิ์ เป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะจากพยานหลักฐานที่พบสามารถชี้ชัดได้และทำให้เห็นข้อเท็จจริงว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ตนจึงขอฝากความหวังดีจากนายเกรียงศักดิ์ ไปถึงน้องโอ๋ ว่า หากมีปัญหาขับข้องใจเรื่องใด ทางนายเกรียงศักดิ์ และทีมทนายความยินดีที่จะปรับความเข้าใจ หรืออาจติดต่อกันผ่านทางพนักงานสอบสวนก็ได้ เพราะเราอยากให้เรื่องนี้จบ มันไม่ใช่คดีคอขาดบาดตาย สามารถเจรจากันและปรับความเข้าใจกันได้ เนื่องจากน้องโอ๋ ยังเด็กและเป็นนักศึกษาอยู่ ส่วนความคืบหน้าทางคดีในขณะนี้ยังไม่ได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด แต่หากมีหมายเรียกมาก็เป็นสิทธิของนายเกรียงศักดิ์ ว่าเดินทางไปให้ปากคำหรือไม่ เพราะยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ อย่างไรก็ตามตนพร้อมที่จะพานายเกรียงศักดิ์เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การทุกเมื่อ
มีรายงานว่าการแถลงข่าวในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งนายเกรียงศักดิ์ ได้แต่งกายในชุดสูท มีอาการเคร่งเครียด หน้าตาแดงก่ำ โดยหลังให้ข่าวก็รีบเดินขึ้นไปบริเวณชั้นบนของกองบรรณาธิการโดยทันที ส่วนบรรยากาศภายนอกปรากฏว่า มีกลุ่มเสียงนิสิต จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม ทั้งชายและหญิง จำนวน 7 คน เดินทางมา ที่ด้านหน้ากองบการ โดยชูป้ายประท้วงนายเกรียงศักดิ์ อันมีข้อความอาทิ หยุดคุกคามทางเพศ และ ผู้ใหญ่บิดเบือนความจริง โดยนายเมรัตน์ มาลัย อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นบัณฑิตคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า อยากจะเรียกร้องมโนธรรมสำนึกจากนายเกรียงศักดิ์ ให้เผชิญกับความจริง อย่าหลบหน้าสังคม เพราะมีสถานะเป็นผู้ใหญ่แล้วและยังเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษตามสถานศึกษาต่างๆ ดังนั้นนายเกรียงศักดิ์ จะต้องไม่อาศัยสถานภาพที่ได้เปรียบในฐานะหน้าที่เพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ โดยนักศึกษาไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างทัดเทียม
นายเมรัตน์ กล่าวอีกว่า ทางกลุ่มเสียงนิสิต ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีกลุ่มนักศึกษาจากหลายสถาบันมาร่วมกันต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ และถ้ากลุ่มเห็นว่า กรณีดังกล่าวกระทบต่อภาพลักษณ์ รวมทั้งเกียรติภูมิของนักศึกษา อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดฉะนั้นไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไร นายเกรียงศักดิ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เพราะประวัติและชื่อเสียงของนายเกรียงศักดิ์ ก็เป็นที่ร่ำลือพอสมควร ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกับกลุ่มนักศึกษา หรือกลุ่มหญิงวัยรุ่น ทางกลุ่มจึงเรียกร้องให้นายเกรียงศักดิ์ เลิกบิดเบือนความความจริงด้วยการใช้สื่อในเครือข่าย เพื่อสร้างความเสียหายให้กับนักศึกษาที่ตกเป็นเหยื่อและให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา
นายเมรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า ทางกลุ่มเห็นว่ากรณีนี้ เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ของความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมของผู้คนในบ้านเมืองนี้ ที่ผู้ใหญ่หรือผู้มีอำนาจที่เหนือกว่า มักฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบกับผู้ที่อ่อนแอกว่า โดยปราศจากมโนสำนึกและความรับผิดชอบ ตอกย้ำถึงความอ่อนแอทางศีลธรรมของสังคมไทย ที่วงการสื่อสารมวลชน สถาบันการศึกษา รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องยกเป็นบทเรียนเพื่อหาแนวทางคลี่คลายปัญหาในระยะยาว โดยทางกลุ่มเห็นว่าปัญหานักศึกษาฝึกงาน กับผู้บริหารองค์กร หรือบุคลากรรุ่นพี่ในองค์กรที่นักศึกษาไปฝึกงาน พบว่ามีปัญหาคุกคามทางเพศทั้งที่เป็นข่าว และไม่เป็นข่าวอีกหลายกรณี ทางกลุ่มจึงขอเรียกร้องให่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการป้องกันในเรื่องนี้ด้วย
ทางกลุ่มขอเป็นกำลังใจให้กับความกล้าหาญของน้องโอ๋ แม้รู้ว่าจะเกิดผลกระทบมากมายจากการออกมาเปิดโปงการคุกคามทางเพศครั้งนี้ และทราบว่าคู่กรณี เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในวงการสื่อสารมวลชน และวงการบังเทิง ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้กับน้องโอ๋ ในระยะยาว ทางกลุ่มจึงวิงวอนให้สังคมเข้าใจเห็นใจ และเป็นกำลังให้การต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรมของผู้หญิงคนหนึ่ง และเป็นแบบอย่างให้กับการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในสังคมต่อไป นายเมรัตน์ กล่าว