ศาลอุทธรณ์ตัดสินนปช.เผาเซ็นเตอร์วัน เข้าข่ายก่อการร้าย
(24 ธ.ค.) ศาลอุทธรณ์ อ่านคำพิพากษาคดีวางเพลิงเซ็นเตอร์วัน ให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายให้ห้างเซ็นเตอร์วันกว่า 122,790,000 บาท ตามคำพิพากษาชั้นต้น จากเหตุการณ์ นปช.บุกขโมยทรัพย์สินและวางเพลิงเผาทรัพย์ แต่แก้อุทธรณ์จากพฤติการณ์ของนปช.จากจลาจล เป็นการก่อการร้าย
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ศาลอุทธรณ์ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีความแพ่ง ที่บริษัท พีเพิล พลาซ่า หรือ ห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัทแอกซ่า ประกันภัย จำกัด ให้จ่ายค่าเสียหาย 122,790,000 บาท กรณีถูกวางเพลิงเผาทรัพย์และขโมยทรัพย์สินระหว่างการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2553 โดยสรุปคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ได้พิจารณาพยานและหลักฐาน จากข้อมูลดังนี้
หลังเกิดเพลิงไหม้ได้มีรถดับเพลิงพยายามเข้าไปดับไฟแต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมขัดขวาง พบลูกธนูที่พันด้วยผ้าตกอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารศูนย์การค้า และพบร่องรอยกระสุนปืนเป็นรูอยู่หลายรูบริเวณเสาด้านหน้าอาคาร
ดังนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าการวางเพลิงเกิดจากฝีมือของกลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง รถจักรยานยนต์รับจ้าง และคนขับรถซาเล้งซื้อของเก่า ที่มีเจตนาลักทรัพย์ และเมื่อพิจารณาโดยสรุปจากพยานหลักฐานเกี่ยวกับการวางเพลิงแล้ว พบว่า การวางเพลิงเกิดจากการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. บางส่วนที่ต้องการใช้ความรุนแรงและ/หรือต้องการข่มขู่ เพื่อผลทางการเมือง ด้วยการทำให้รัฐบาลและประชาชนหวาดกลัว ซึ่งการกระทำของกลุ่ม นปช. ที่วางเพลิงนั้น เข้านิยาม "การกระทำการก่อการร้าย"