มติป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาสมศักดิ์-นิคมจงใจขัดรธน.

ป.ป.ช. มีมติ แจ้งข้อกล่าวหา 'สมศักดิ์-นิคม' กระทำผิดส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ขณะ 7 ม.ค. สรุป 381 ส.ส. ส.ว.

นายวิชา มหาคุณ โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงความคืบหน้าการยื่นคำร้องถอดถอน 383 ส.ส. - ส.ว. กรณีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขที่มา ส.ว.ว่า หลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจากพยาน 6 ปาก ศาลรัฐธรรมนูญ รัฐสภา และผู้ร้องเป็นจำนวนมากพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานในเพียงพอจึงมีมติแจ้งข้อกล่าวหา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราฎร และ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ว่ากระทำผิดส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดในตำแหน่งหน้าที่ราชการ จงใจใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตามมาตรา 270 โดยให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 ม.ค. 2557

อย่างไรก็ตาม ในส่วน ส.ส. และ ส.ว.ที่เหลือจำนวน 381 ราย ที่ถูกร้องในข้อหาเดียวกันคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงเป็นสมควรให้ลงมติในวันที่ 7 ม.ค. 2557 ต่อไป

ศาล รธน.นัด 8 ม.ค.วินิจฉัย 383 ส.ส.-ส.ว.

ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งในคดีที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และสมาชิกรัฐสภา 381 คน ร่วมกันดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่จำกัดอำนาจรัฐสภา ในการให้ความเห็นชอบการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศของฝ่ายบริหาร ว่า เข้าข่ายเป็นการกระทำล้มล้าง การปกครองและกระทำการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ โดยให้คู่กรณีมาฟังคำวินิจฉัยคดี ในวันพุธที่ 8 มกราคม 2557 เวลา 15.00 น.