ปภ.เปิดศูนย์7วันอันตรายปีใหม่-ทัวร์ตกเหวหล่มสักดับ31

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานเปิดศูนย์เฝ้าระวัง 7 วันอันตรายช่วงปีใหม่แล้ว ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุทางถนนให้มากที่สุด ขณะกลางดึก รถทัวร์ขอนแก่น-เชียงราย ซิ่ง แหกโค้งตกเหวลึกกว่า 50 เมตร ลำเลียงผู้โดยสารเสียชีวิตออกมาได้ 31 ราย เร่งระดมกำลังค้นหาต่อ

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทวงมหาดไทย ประธานกรรมการเเละผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ
ความปลอดภัยทางถนน เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันเเละลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงที่มีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ  รัฐบาลจึงมีความห่วงใยความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน จึงได้บูรณาการทุกภาคส่วน โดยในปีนี้ตั้งเป้าให้ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุของแต่ละจังหวัดมีจำนวนเท่าเดิม หรือลดลง ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำเรื่องการดื่มเเอลกอฮอล์ โดยต้องการให้คนในครอบครัว เตือนสติกันเเละกัน

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดมาตรการเน้นหนัก 4 ด้านหลัก ซึ่งมุ่งเน้นการเข้มงวดกฎหมายจราจร อย่างเคร่งครัด ใน10 มาตรการสำคัญ อาทิ กวดขันรถจักรยานยนต์ รถโดยสารสาธารณะ รถกรบะบรรทุกผู้โดยสารเกินกำหนด การควบคุมการดื่มเเอลกอฮอล์เเละการเพิ่มการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง พร้อมเชื่อมโยงการดำเนินการกับระดับจังหวัด อำเภอ รวมถึงการรวบรวมเเละแถลงสรุปผลเป็นประจำทุกวัน ตั้งเเต่วันที่ 28 ธันวาคม - 3 มกราคม 2557
 

ทัวร์ขอนแก่น-เชียงรายตกเหวหล่มสักดับ31เจ็บ5

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทาง บริษัทสมบัติทัวร์ สายขอนแก่น-เชียงราย หมายเลขข้างรถ 637-20 พลิกคว่ำตกสะพานพ่อขุนผาเมือง หรือสะพานห้วยตอง ซึ่งเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ตอม่อสูงสุดของประเทศไทย บริเวณตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วยจำนวน 40 คน เสียชีวิตเกือบทั้งหมด

ด้านพันตำรวจโทสุรวิชย์ ชัยสิทธิ์ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรบ้านกลาง จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า รถทัวร์คันดังกล่าว เป็นของบริษัทสมบัติทัวร์ ที่วิ่งมาจากจังหวัดขอนแก่น และกำลังมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเชียงราย ซึ่งขณะเกิดเหตุมีพยานเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า รถทัวร์คันดังกล่าวได้วิ่งลงเขามาด้วยความเร็วสูง และเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง ได้เสียหลักชนกับราวสะพาน ก่อนพลิกคว่ำตกลงไปในเหวที่มีความลึกกว่า 50 เมตร
 
ทั้งนี้พันตำรวจโทสุรวิชย์ ยังกล่าวด้วยว่า เบื้องต้นอุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 5 ราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลหล่มสัก และโรงพยาบาลเพชรบูรณ์2 ซึ่งในจำนวนนี้มี 1 ราย ที่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่เจ้าหน้าที่สามารถลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากรถทัวร์ขึ้นมาด้านบนได้ทั้งหมดแล้วจำนวน 27 ราย ส่วนที่เหลือคาดว่ากระเด็นออกนอกตัวรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะระดมกำลังค้นหาต่อไป

ยอดจากกู้ภัยล่าสุด พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 31 ราย อยู่ระหว่างการค้นหาต่อ

 

ตราดเปิดศูนย์7วันอันตรายตั้งเป้าไร้ผู้เสียชีวิต

ที่หน้าหน้าศาลา 100 ปี ศาลากลางจังหวัดตราด น.ส.เบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานในการเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมอุบัติเหตุทางถนนและทางน้ำ โดย จ.ตราด สามารถรณรงค์และป้องกัน ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ ช่วง 7 วันอันตราย และเป็นเช่นนี้มา 3 ปีติดต่อกัน

ในปีนี้ ทาง จ.ตราด จึงมีเป้าหมายที่จะรักษาเป้าหมายไว้ และจะป้องกันไม่ให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจนมีผู้เข้ารักษาในโรงพยาบาล พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และส่วนราชการ ร่วมกันปล่อยแถวรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและทางน้ำของ จ.ตราด ที่ส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และภาคเอกชนร่วมในการนำรถยนต์มาร่วมขบวนในครั้งนี้ จำนวนกว่า 100 คัน และมีประชาชนและอาสาสมัคร ร่วมกว่า 200 คน

 

7วันอันตรายปีใหม่หนองคายตายแล้ว1

พ.ต.ต.ไตรเทพ ไตรยางค์ พงส.สภ.เมืองหนองคาย รับแจ้งเหตุ รถยนต์ชนประสานงากันบริเวณสิ้นสุดคอขวด ถนนหนองคาย-โพนพิสัย บ้านบอน ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยวีอาร์กู้ภัยหนองคาย ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ อีซูซุ สีเลือดหมู ทะเบียน บท 2548 หนองคาย จอดอยู่กลางถนน สภาพด้านหน้าพังยับเยินและมีผู้เสียชีวิตภายในรถ ทราบชื่อคือ นายปิยชัย พรมกัลป์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 6 ต.เหล่าต่างคำ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย สภาพคอหัก ห่างออกไปเล็กน้อย พบรถกระบะ โตโยต้า สีดำ
ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และมีคนเจ็บติดอยู่ภายในรถ 1 คน ในตัวและในรถไม่พบ
เอกสารระบุชื่อ เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลหนองคาย

สอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่ารถของผู้เสียชีวิต ขับมาจากทาง อ.โพนพิสัย มุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัดหนองคาย ส่วนรถผู้ได้รับบาดเจ็บ ขับมาจากตัวจังหวัด เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นจุดคอขวดและกำลังก่อสร้างถนน โดยไม่มีการนำป้ายสัญญาณมาแจ้งเตือนผู้ขับขี่ ทำให้รถทั้งสองคันวิ่งมาชนประสานงากันดังกล่าว