นายกฯ ปัดตอบใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมอบมั่นคงประเมิน

นายกรัฐมนตรี ปัดตอบใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มอบมั่นคงประเมิน เรียกร้องทหารช่วย ตร. ดูม็อบ ขอเวลาตั้งสภาปฏิรูป ยึดฟังความเห็นทุกฝ่าย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามว่า มีการเตรียม
ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อการควบคุมสถานการณ์การชุมนุม รวมถึงการขอกำลังทหารเข้ามาช่วยเสริมกำลัง
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือไม่นั้น ให้ฝ่ายความมั่นคงประเมินสถานการณ์

ส่วนการตั้งสภาปฏิรูปประเทศ ขณะนี้ กำลังรอความคิดเห็นจากภาคเอกชน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพื่อรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมด ส่วนตัวยังเห็นว่าไม่ควรจะกำหนดระยะเวลา เพราะต้องนำข้อมูลทุกรูปแบบมารวมกัน และให้หน่วยงานกลาง มาดำเนินการต่อ โดยที่รัฐบาลเป็นเพียงแค่กลไกลหนึ่งที่จะอำนวยความสะดวกให้เกิดเวทีกลางของสภาปฏิรูปประเทศ ดังนั้น อยากเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และตกผลึกรูปแบบที่เป็นกลาง และคนส่วนใหญ่ยอมรับ มาดำเนินการอย่างน้อย 1 รูปแบบ ก่อนที่รัฐบาลจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องลงนามในคำสั่งตั้งสภาปฏิรูปประเทศแต่อย่างใด เบื้องต้น ดำเนินการภายใต้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี

 

สมช.พร้อมประกาศพรก.ฉุกเฉินหากม็อบแรง

พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เปิดเผยกับ ไอเอ็นเอ็น ระบุว่า ทางสมช.และหน่วยความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุม ของกลุ่ม กปปส.อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในวันที่ 13 ม.ค.ซึ่งมีความเป็นห่วงสถานการณ์หวั่นมือที่ 3 เตรียมสร้างสถานการณ์รุนแรง มองว่าขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน  แต่หากเกิดเหตุการณ์ผู้ชุมนุมมีการใช้อาวุธจริงและสถานการณ์ถึงขั้นรุนแรง  สมช.สามารถประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ทันที ที่มีระยะเวลา 3 วัน หรืออาจเสนอผ่านครม.ที่นายกฯจะเป็นผู้ลงนามตามหน้าที่ ตามระยะเวลาที่เห็นสมควร

ขณะที่ มีการเพิ่มมาตรการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการพกอาวุธประจำกายเพื่อป้องกันตัว ให้สามารถรองรับสถานการณ์ที่เข้มข้นมากขึ้น เมื่อมีเหตุการณ์ผู้ชุมนุมใช้อาวุธก็จะให้จนท.ที่มีอาวุธขึ้นมาควบคุมสถานการณ์ได้ทันที ทั้งนี้มีการขอกำลังจนท.ทหาร เข้ามาเสริมกำลังตำรวจเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่มาเป็นกองหนุนอยู่แล้ว 22 กองร้อย ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อวางจุดกำลังทหารอีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้ และจะเข้ามาเสริมกำลังตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. เป็นต้นไป