ปชป.ชี้ดื้อลต.ไม่เกิดผลหวั่นเข้าสู่ภาวะสูญญากาศ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เดินสายพบภาคเอกชน เดินหน้าจัดแผนปฏิรูป ชี้ ดื้อเลือกตั้งไม่เกิดผล เตือนนายกฯ อย่าประวิงเวลากลับมามีอำนาจ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการที่ พรรคประชาธิปัตย์ เดินสายเข้าพบองค์กรต่างๆ เพื่อจัดตั้งเวทีปฏิรูป โดยมีภารกิจหลัก คือ การเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ และการเมือง
ซึ่งวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ สภาหอการค้าไทย เพื่อนำรายละเอียดมาจัดทำรูปแบบการปฏิรูปประเทศไทย และจะสามารถนำมาบังคับใช้ได้ทันที เมื่อพรรคเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารประเทศ และในสุดสัปดาห์ จะไปพบองค์กรต่างๆ และเพื่อนำมาเสนอกับสื่อมวลชน ในวันที่ 7 มกราคมนี้
ส่วนเรื่องการเลือกตั้งนั้น มองว่า ที่ผ่านมา บางพื้นที่รับสมัครไม่ได้ แม้จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็ไม่สามารถเปิดสมัยประชุมสภาได้ เพราะจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ถึงร้อยละ 95 หากยังดื้อดึงให้เกิดการเลือกตั้ง ก็จะผลักดันประเทศเข้าสู่ภาวะสูญญากาศได้ จึงอยากฝากเตือนไปยัง นายกรัฐมนตรี อย่าลอยตัวอยู่เหนือปัญหา เพื่อใช้บทบาทเจ้าน้ำตาประวิงเวลากลับมามีอำนาจอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายชวนนท์ ยังกล่าวขอบคุณกรณีที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. ออกมายอมรับว่า ชายชุดดำที่ก่อเหตุบริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง นั้นเป็นตำรวจจริง เพราะการกระทำดังกล่าว เป็นการรักษาศักดิ์ศรีของตำรวจ ที่ยังทำความถูกต้องและความยุติธรรมให้กับประชาชน โดยคนที่ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมากล่าวโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเมื่อ ผบ.ตร. ออกมากล่าวความจริง ทำให้ทั้งพลิกลิ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนเหตุการณ์ที่พบสกุลเงินและพาสปอร์ตของประเทศกัมพูชานั้น สอดคล้องกับเหตุการณ์ปี 2553 ที่มีกลุ่มชายชุดดำจากประเทศดังกล่าว เข้ามาก่อความวุ่นวาย ซึ่งมองว่า อาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มีความกังวลว่า การที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ออกมาประกาศจะเปิดกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 13 มกราคมนี้ จะเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้คน กทม. ออกมาปกป้องประเทศ