ชูวิทย์ ชี้ชัดเลือกตั้ง "เลื่อนแต่ไม่เลิก" กปปส.ก็ไม่เลิก
(24 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีข่าวแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ 8 ต่อ 0 สามารถเลื่อนการเลือกตั้งได้ โดยที่ นายกรัฐมนตรี กับ กกต. ต้องหารือกันเพื่อพิจารณาออก พรฏ.เลือกตั้งฉบับใหม่ ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักวิชาการและนักการเมืองที่ต่างวิเคราะห์มติดังกล่าวในโลกออนไลน์ ไม่เว้นแม้แต่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ "เลื่อนแต่ไม่เลิก" ลงเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมติของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ รวมทั้งทิศทางการเลือกตั้งครั้งนี้ ดังนี้...
"วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ 8-0 ว่าสามารถเลื่อนการเลือกตั้งได้ โดยให้นายกรัฐมนตรี หารือกับ กกต. ออก พรฎ.เลือกตั้งฉบับใหม่
พูดง่ายๆว่า ศาลสั่งให้สองฝ่ายมาคุยกัน ที่จริงแล้ว เรื่องแค่นี้คุยกันเองไม่ได้หรือ? ต้องรอให้ศาลสั่งทั้งๆที่บ้านเมืองวิกฤต และ คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้ปัญหาหมดไปแต่อย่างใด เพราะ...
1.การเลื่อนเลือกตั้งไม่ใช่การแก้ปัญหา เพียงแต่เป็นการเลี่อนปัญหาออกไป
2.ม็อบ กปปส. ยังไม่เลิก เพราะเป็นแค่การเลื่อนเลือกตั้ง ไม่ใช่เลิกเลือกตั้งอย่างที่ต่อสู้
3.การเลื่อนไม่ได้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาสมัครเลือกตั้งได้อีก
4.พรรคประชาธิปัตย์ย่อมไม่ยอมเลิกรา หากการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ลงสม้คร
ในเมื่อ กกต. เคยออกความเห็นมาแล้วว่าต้องการให้เลื่อนเลือกตั้ง ในขณะที่นายกฯไม่ได้หารือกับ กกต. และยืนกรานมุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้ง เท่ากับปัญหาวนกลับมาสู่จุดเดิม
ที่น่าสนใจคือ แกนนำ กปปส. เหมือนรู้ล่วงหน้า มีมติว่าจะ "ไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง" โดยไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่ตลอดมายืนกรานหัวเด็ดตีนขาดต้องไม่มีการเลือกตั้ง "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" เท่านั้น ภาคใต้ถึงกับสมัครกันไม่ได้ ขนาดเขาอบรมเลือกตั้งยังไปขัดขวาง โรงพิมพ์บัตรเลือกตั้งยังโดนปิดล้อม
วันสมัครเลือกตั้งก็ไปบุกที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง จนวุ่นวาย เดี๋ยวคงจะมาบอกว่า คปท. ทำ กปปส. ไม่ได้ทำ นี่ล่ะครับ หากใครรู้ไม่ทันก็ให้รู้ไว้เสียด้วย
แล้วอยู่ๆก็ออกมาบอกว่าจะไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง อยากถามว่า "แกนนำ" ได้ถาม "มวลมหาประชาชน" หรือยัง?
ผมเห็นว่านื่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ เป็นการหาทางออกให้กับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส. และคุณอภิสิทธิ์ เพื่อไปใช้สิทธิ์ "Vote No" ไม่ประสงค์ลงคะแนน เพราะถ้าไม่ไปใช้สิทธิ์ บรรดาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จะเสียสิทธิ์การลงสมัครเป็น ส.ส. ครั้งต่อไปในอนาคต
จากเดิมที่มีแนวทางขัดขวางการเลือกตั้ง ต้องการปฎิรูปก่อน ตอนนี้หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กปปส. และ พรรคประชาธิปัตย์ จะมีการกลับลำรณรงค์ให้ "โหวตโน" แทน
อย่างที่ผมเคยบอกไว้ตั้งแต่แรกว่า เข้าคูหาไปโหวตโน ผลออกมาสามารถวัดได้อยู่ดี โดยไม่ต้องใช้วิธีนอกกติกา ปิดบ้านปิดเมืองให้เสียหายแต่อย่างใด
รู้งี้ทำไมไม่ทำเสียตั้งแต่แรก? ไปขัดขวางการสมัครเลือกตั้ง จนตำรวจและประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ท้ายสุดก็ต้องเข้าคูหา แล้วรณรงค์ให้โหวตโน
ประชาชนถูกทิ้งไว้ที่ถนน ส่วนนักการเมืองกลับมาจับมือฮั้วกัน
ประเทศไทยมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ การเมืองคือละคร นักการเมืองกอดกันกลม อวยกันไป แล้วกลับบ้าน ทิ้งให้ประชาชนอ้าปากหาวอยู่บนถนน
ทำท่าจะเดินหน้า แต่ถอยหลังลงคลอง ท่าดีทีเหลว ประชาชนเป็นเหยี่อ ตกเหวทุกที"