ศรส.ขอคืนพื้นที่กรมกงสุล27มค.ปัดสลายจ่อหมายจับ16แกนนำ

'ธาริต' แถลงผลประชุม ศรส. ยืนยัน เจรจราขอคืนพื้นที่สถานที่ราชการด้วยสันติวิธี 27 ม.ค. ปัดสลาย จ่อหมายจับ16 แกนนำกปปส. พร้อมขู่ประชาชน อย่าสนับสนุนตกเป็นเครื่องมือแกนนำ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะ กรรมการศูนย์รักษาความสงบ แถลงผลการประชุม ศรส. ที่มีมติสำคัญ 4 เรื่อง โดยประเด็นแรกตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 มกราคม นี้  ศรส. จะจัดชุดเจรจาขอคืนสถานที่ราชการ เพื่อให้บริการประชาชน โดยชุดเจรจาประกอบด้วย เจ้าของพื้นที่ เจ้าพนักงาน ศรส. ที่มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารสามเหล่าทัพ ซึ่งให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์เจรจา ซึ่งชุดเจรจาจะมีการกระจายไปทั้ง 7 เวที แต่หากผู้ชุมนุมไม่ยอมคืนพื้นที่ ศรส. จะกลับมาหารือกันอีกครั้ง โดยยืนยันว่าเป็นการเจรจา เพื่อขอคืนพื้นที่ด้วยวิธีสันติ ไม่ใช่การสลายการชุมนุม

ประเด็นที่สอง ศรส. ขอเตือนประชาชนว่า อย่าสนับสนุนและตกเป็นเครื่องมือของ แกนนำ กปปส. ที่ปลุกปั่นให้มีการขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันพรุ่งนี้ เพราะจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ด้วย ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้ง คอยบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งคดีจะมีอายุความ 10 ปี

สาม ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไปดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง กลุ่มที่ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งห้างร้านที่ให้ที่พักพิงแก่แกนนำทั้ง 58 คน ซึ่งสามารถดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินได้ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

และประเด็นสุดท้าย ศรส. จะเร่งดำเนินการในการขออำนาจศาลในการออกหมายจับแกนนำ 16 จากทั้งหมด 58 คน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หมาย ฉ. มาตรา11(1) ที่สามารถควบคุมตัวได้ 30 วัน รวมทั้งเร่งดำเนินการจับกุม 58 แกนนำ ทั้งนี้ ศรส. ขอเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมขุมนุม เนื่องจากเกรงว่า อาจจะกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่

 

รองโฆษกตร.แถลงม็อบยังมี7เวทีหลักชุมนุม

พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงสถานการณ์การชุมนุม เมื่อวานนี้ยังคงมีเวที 7 เวทีหลักที่ แจ้งวัฒนะ ลาดพร้าว อนุสาวรีย์ชัย ปทุมวัน ราชประสงค์ สวนลุมพินี แยกอโศก และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล แยกผ่านฟ้า ที่มีการไปปิดล้อมสถานที่ราชการอยู่ 13 แห่งเช่นเดียวกันคือ มีการรณรงค์ขอเจ้าหน้าที่หยุดงานและปิดสถานที่ราชการในกรุงเทพมหานคร 13 แห่ง ส่วนในต่างจังหวัดมี 12 จังหวัดด้วยกัน ส่วนวันนี้กิจกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุม ก็จะมีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในการเดินรณรงค์ไปตามถนนราชประสงค์-ราชดำริ-ราชปรารภ-ศรีอยุธยา-พญาไท-ชิดลม และก็มาบรรจบที่ราชประสงค์ ต่างจังหวัดมีกลุ่มเครือข่ายชาวนาอุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท ชุมนุม ปิด ถ.พหลโยธิน อ.พยุหคีรี จ.พิจิตร ในวันนี้

สำหรับผลของการตั้งด้านความมั่นคงของ บช.น. จำนวน 22 จุด คืนที่ผ่านมานั้น มีการจับกุมอาวุธปืนได้ 1 กระบอก มีด 5 เล่ม ยาบ้าและยาอี พร้อมผู้ต้องหาจำนวน 10 คน ทั้งนี้ เหตุสำคัญที่เกิดขึ้นในรอบ 24 ช.ม. เมื่อวานที่ผ่านมานั้น มีดังนี้ 1.ตำรวจของกองสืบสวน บก.น.7 ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ชัยสวน ได้ไปติดตามสถานการณ์ชุมนุมที่หน้ากระทรวงวัฒนธรรม โดยขณะที่ ร.ต.ท.ประดิษฐ์ กำลังถ่ายภาพการชุมนุมอยู่นั้น ก็มีกลุ่มชาฉกรรจ์ 6-7 คน เข้ามาสอบถาม มีการรุมทำร้ายต่อยบริเวณใบหน้าและลำตัว แล้วก็ได้ยึดอาวุธปืนพกสั้นของ ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ไป 2.มีการจับอาวุธสงครามของ สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 3.กรณีวัยรุ่นถูกยิงที่ใกล้แยกอโศก จุดกลับรถใกล้แยกรัชดา นายณฤทธิ์ พรานแก้ว ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงศูนย์สิริกิติ์ เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 02.35 น. และ4.กรณีที่มี นายศุภการ อยู่บรรยงค์ ข้าราชการทหารบำนาญ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่จังหวัดราชบุรี บุตรชายยืนยันไม่ใช่บิดาที่รื้อทำลายป้าย สตช.

 

'สุรพงษ์'แถลงรบ.มีอำนาจใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงย้ำเตือนว่า ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งรัฐบาลจะใช้วิธีการเรียกหรือเชิญตัวผู้สนับสนุนมาเจรจา ให้ยุติการกระทำการใดๆ ที่กระทำให้สังคมแตกแยก อันส่งให้การชุมนุมทวีความรุนแรง และรัฐบาลก็จะไม่ใช้วิธีการรุนแรงดังเช่นรัฐบาลที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ ขอชี้แจงว่าการขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่จะมีขึ้นในวันอาทิยต์ที่ 26 มกราคม นี้ นอกจากจะมีความผิดตามพ.ร.ก.เลือกตั้งแล้ว ยังมีข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วย

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลนั้น ไม่ได้ประกาศทำตามอำเภอใจ แต่ทำตามสถานการณ์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย รวมถึงเป็นความรับผิดชอบสูงสุดของคณะรัฐมนตรีที่ช่วยเหลือประเทศชาติด้วย

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เฉลิมถกศรส.ขู่ม็อบบุกงัดมาตรการเด็ดขาด

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=511664