กว่าจะเป็น “เป็ด เชิญยิ้ม” เล่นตลกไม่ขำ โดนไล่ลงเวทีนับครั้งไม่ถ้วน!!

กว่าจะเป็น “เป็ด เชิญยิ้ม” เล่นตลกไม่ขำ โดนไล่ลงเวทีนับครั้งไม่ถ้วน!!

กว่าจะเป็น “เป็ด เชิญยิ้ม” เล่นตลกไม่ขำ โดนไล่ลงเวทีนับครั้งไม่ถ้วน!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลกไม่ได้เป็นกันง่ายๆอย่างที่หลายคนคิด เพราะบางคนเล่นยังไงก็ไม่มีใครขำ ผิดกับบางคนไม่ต้องทำอะไร แค่เอาหน้าออกมาคนก็หัวเราะกันจนน้ำหมากกระเด็น เปรียบได้อย่างตลกชื่อดัง "เป็ด เชิญยิ้ม" ที่กว่าจะก้าวมาเป็นตลกที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดังเช่นทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดนไล่ลงเวทีก็นับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายแล้วด้วยความพยายาม ทำให้วันนี้ "เป็ด เชิญยิ้ม" ขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการตลกไทยได้อย่างภาคภูมิใจ

จากที่เป็นตลกตอนนี้กลายมาเป็นผอ.โรงเรียนแล้ว
"ก็เมื่อก่อนเราก็เรียนมาด้านนี้ จบครูมา เป็นครูสอนเด็กมา เรื่องตรงนี้มันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่สิ่งสำคัญที่เราได้จากอาชีพของตลก ซึ่งหลังจากที่ออกจากงานธนาคารมา เราก็มาเล่นตลกในวงเลย แล้วก็อยู่บนพื้นฐานของการทำงานที่ค่อนข้างรักในอาชีพของศิลปินตลก และศึกษาอาชีพตลก ได้เรียนรู้จากครูอาจารย์ และได้สร้างตลกมาก็เยอะ อยู่บนถนนนี้ก็ค่อนข้างที่จะมีความสุขในชีวิต"

ใครเป็นคนชักชวนให้เข้ามาในวงการนี้
"จริงๆแล้วไม่ได้มีใครชักชวนมา แต่มันมีคนไล่ลงจากเวที ไปเล่นที่ต่างจังหวัดไม่ขำเขาก็ไล่ลง เราก็หันไปมองเขาแล้วก็นึกอยู่ในใจว่าสักวันหนึ่งมึงต้องมาคำนับกูอยู่หน้าจอทีวี แล้วก็ไปลาออกจากงานธนาคารไปเล่นตลกเลย ไปศึกษาตลก เรียนรู้ตลก จนประสบความสำเร็จขึ้นมา อยู่เชิญยิ้มจนมีชื่อเสียง จนมาทำรายการ จนมีวันนี้ ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ความมุ่งมั่นและตั้งใจกับมัน เพราะเราไม่เคยคิดจะยอมแพ้ ตั้งแต่วันแรกที่เราเล่นแล้วไม่ขำ หลายคนเลิกไป แต่ผมล้มแล้วไม่เลิก ล้มแล้วต้องลุกขึ้นมายืนใหม่ แล้วผมตั้งสติแล้วเดินไปหาเป้าหมาย ผมว่าถ้าคนเรามีสติ มีความมุ่งมั่นทุกอย่างมันไม่มีอะไรเกินความสามารถของเรา"

จุดสูงสุดที่ได้รับนับตั้งแต่มาเป็นตลก
"ก็ถือว่าตอนนี้ ที่ผมบอกว่าตอนนี้คือผมจบปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สิงหาก็จะรับปริญญา ที่ประสบความสำเร็จคือเป็นตลกคนแรกของประเทศไทยที่จบปริญญาเอก เรื่องที่สองผมเป็นคนสร้างหลักสูตร ผมคิดหลักสูตรคอมมาเดี้ยนขึ้นมา ผมคิดว่าตลกสอนได้ มีแต่คนว่าผมบ้า หาว่าผมทำอะไรอยู่ แต่ผมไม่ได้กลัวอะไรแต่ผมก็ศึกษามาทั้งศาสตร์และศิลป์ ทุกอย่างผมเชื่อว่าสอนได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะสอนแมวน้ำให้ไหว้ได้ยังไง คุณจะสอนสายันต์ให้เล่นตลกได้ยังไง มันต้องเรียนรู้และฝึกขึ้นมา"

คิดว่าอะไรเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คนจำเราได้
"ผมว่ามันเป็นการสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผมว่ามันสำคัญมาก มันเป็นสิ่งที่คนต้องมองได้ สัมผัสได้ คำว่าเชิญยิ้มในสมัยก่อนคนให้ความศรัทธา ซึ่งเกิดจากสิ่งที่พวกผมทำกันไว้ คือการไม่หลอกคนดู ผมทำกันด้วยความจริงใจ ไม่เคยโกหกคนดู วันไหนที่เล่นแล้วคนไม่หัวเราะเป็นวันที่เราเสียใจมากที่สุด แต่วันไหนที่เราทำให้คนหัวเราะมากที่สุด คือวันที่เราภาคภูมิใจมาก"

พอมีจุดสูงสุดก็ต้องมีจุดที่เราคิดว่าต่ำสุด ช่วงเวลานั้นผ่านมาได้อย่างไร
"ก็ผมไม่เคยท้อ ผมไม่เคยท้อ มีคนถามว่าสำเร็จหรือยัง ผมบอกว่ายัง วันที่ผมสำเร็จแล้วคือวันที่ผมอยู่บนเชิงตะกอน นั้นคือวันที่ผมหยุดแล้ว แต่วันนี้เรายังมีลมหายใจอยู่ เราก็ต้องทำต่อ เหมือนเราดูหนัง ถ้าหนังเลิกเราต้องเดินออกจากโรงหนัง แต่ชีวิตเรามันไม่ใช่ เราต้องก้าวต่อ ต้องทำงานต่อไป ต้องมีความสุขกันต่อไป"

สุดท้ายให้ฝากอะไรถึงแฟนๆเป็ด เชิญยิ้ม
"ก็อยากให้ติดตามผลงานของพวกเรา คนทั่วไปจะมองว่าตลกส่วนใหญ่เป็นตลกที่หยาบคาย แต่ธาตุแท้ของตลกจริงๆมันไม่ได้หยาบคาย แต่ไอ้เด็กรุ่นหลังที่มันมาทำกันแล้วไม่มีการควบคุม พอเอามาใช้มันก็หยาบคายกันไป จริงๆแล้วถ้าตลกที่เขาศึกษากันจริงๆของรุ่นเก่ารุ่นแก่ ไม่มีหยาบคาย อาจจะมีสองแง่สองง่ามเพื่อให้มันขำ แต่เขามีวิธีการเลี่ยง แต่เด็กรุ่นใหม่ที่นำมาเล่น ไม่ได้โทษ คือตลกคาเฟ่น้องๆบางทีไม่มีประสบการณ์ เล่นก็เล่นกันดื้อๆตรงๆมันเลยหยาบคาย ภาพลักษณ์ของตลกเลยดูแย่ลง ถ้าเด็กรุ่นใหม่เล่นแล้วสะอาด เล่นแล้วดูดี ทุกอย่างมันก็จบ"

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ กว่าจะเป็น “เป็ด เชิญยิ้ม” เล่นตลกไม่ขำ โดนไล่ลงเวทีนับครั้งไม่ถ้วน!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook