กคป.อ้างตร.ใส่ร้ายพบอาวุธร้ายแรงสลายหน้าปตท.

กคป.อ้างตร.ใส่ร้ายพบอาวุธร้ายแรงสลายหน้าปตท.

กคป.อ้างตร.ใส่ร้ายพบอาวุธร้ายแรงสลายหน้าปตท.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทนายความ กคป. อ้าง จนท.ตำรวจ ใส่ร้าย ปล่อยข่าวพบอาวุธร้ายแรงในเหตุสลายการชุมนุม หน้า ปตท. ระบุ ตร.ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ พร้อมใช้พื้นที่กรมพัฒนาทดแทนและอนุรักษ์พลังงานปักหลักแทน

นายประยงค์ ไชยศรี ทนายความประจำ กลุ่ม กคป. เปิดเผยถึงข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุม กลุ่ม กคป.
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ศรส. เข้าจับกุมมวลชน กคป. และค้นพบ
อาวุธปืนและยาเสพติด ถือเป็นการปล่อยข่าว โดยสิ่งที่ปรากฏในหลักฐานบันทึกการจับกุม หากมีหลักฐาน
จับกุมจะต้องบันทึกลงรายละเอียด แต่บันทึกการจับกุมไม่ปรากฏมีอาวุธร้ายแรงและยาเสพติดตามที่เสนอ
ข่าว รวมถึง ในเอกสารที่เกี่ยวกับบัญชีของกลาง ก็ไม่ปรากฏมีอาวุธตามที่เป็นข่าว และข้อกล่าวหาในการ
จับกุม คือ การกระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บุกรุกสถานที่ราชการ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยไม่ปรากฏข้อหาพบอาวุธตามที่เป็นข่าว

จึงสรุปได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการจัดฉากของ ศรส. เพื่อใส่ร้ายให้กลุ่มผู้ชุมนุมขาดความชอบธรรม
ซึ่งจากนี้ตนจะรวบรวมหลักฐานว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ ศรส. ดำเนินการครั้งนี้ผิดในข้อกฎหมายใดบ้าง รวมถึง อยู่
ระหว่างสำรวจความเสียหายทรัพย์สินของกลุ่มผู้ชุมนุม ว่ามีสิ่งของ ทรัพย์สินใดหายไป จากนั้นจะรวบรวมยื่น
ดำเนินคดีฟ้องร้องกับรัฐบาล โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

กคป.ชี้ ตร.ใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการสลายหน้าตึกปตท.

นายธวัชชัย พรหมจันทร์ ผู้ประสานงานกลุ่มกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย หรือ กคป. แถลงข่าวร่วมกับ น.พ.ระวี มาศฉมาดล และ นายทศพล แก้วทิมา ในฐานะที่ปรึกษากลุ่ม กคป. ว่า เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่บริเวณหน้าตึก ปตท. ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยินยอมและแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ศรส. เข้าจับกุม ไม่มีการขัดขืน แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้กระทำการจับกุมเกินกว่าเหตุ มีการใช้ที่รัดแขนมวลชนไขว้หลัง จับกุมเด็ก เยาวชน และคนชรา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็น ไม่เคารพศักดิ์ศรี และมีการจัดฉากว่า ค้นพบอาวุธร้ายแรงในที่ชุมนุม โดยหากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจ เหตุใดจึงไม่นำสื่อมวลชนไปร่วมยืนยันด้วย ถือเป็นการใส่ร้ายอย่างชัดเจน ทำลายความชอบธรรม
 
นอกจากนี้ ระบุว่า การย้ายเวทีครั้งนี้เป็นครั้ง 4 ของ กลุ่ม กคป. โดยจะขอใช้สถานที่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ถนนยศเส ปักหลักชุมนุม ซึ่งขณะนี้ ภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ และกลุ่มชาวนาจากภาคอีสาน ได้เข้าร่วมชุมนุม ดำเนินการตามแนวทางของกลุ่ม กคป. ในการเป็นแนวร่วม กปปส. โค่นล้มระบอบทักษิณ ปฏิรูปประเทศไทย ปฏิรูปพลังงานไทย และปฏิรูปยางพาราและข้าว

ส่วน น.พ.ระวี และ นายทศพล จะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลให้ประกันตัว เปลี่ยนบทบาทจากแกนนำ กคป. มาเป็นที่ปรึกษากลุ่ม กคป. โดยจะมีกรรมการชุดใหม่รับผิดชอบ พร้อมระบุว่า ไม่มีความกังวลถึงการเข้าขอคืนพื้นที่ เนื่องจากทางศาลแพ่งมีคำสั่งไม่ให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าสลายการชุมนุมของประชาชน

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook