หงส์ฟอร์มเจิดจรัส แต่ปืนกำลังเผชิญโปรแกรมโหด
เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2013-14 ทีมที่ดูจะต้องพบกับศึกหนักมากที่สุด คงหนีไม่พ้น อาร์เซน่อล ที่ช่วงหลังมาฟอร์มเริ่มแผ่วลงไป แฟนๆ "ไอ้ปืนใหญ่" คงต้องส่งใจเชียร์กันเหนื่อยเเน่นอน
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2013-14 ดำเนินมาจนถึง 10 นัดสุดท้ายแล้ว จ่าฝูงถูกครอบครองโดย เชลซี ทีมยักษ์ใหญ่จากลอนดอน มี 63 คะแนน
และอำดับที่ 2 กลายมาเป็นยอดทีมจากลุ่มแม่น้ำ เมอร์ซี่ไซด์ อย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มโหดด้วยเกมรุกที่ยิงกันกระจายในฤดูกาลนี้
โดยเกมล่าสุดพวกเขาบุกไปอัด เซาแธมป์ตัน 3-0 ถึงรังเซนต์แมรี่ส์ ทำให้พวกเขาเก็บ 3 แต้ม มีเพิ่มเป็น 59 คะแนน พร้อมขึ้นไปรั้งอันดับที่ 2 ของตาราง โดยที่มี “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่พลาดท่าบุกไปพ่าย สโต๊ค ซิตี้ 1-0 มีแต้มเท่ากันที่ 59 แต่ผลต่างประตูได้เสียของ ลิเวอร์พูล ดีกว่า
ด้านอันดับที่ 4 เป็นของยอดทีมจากเมือง แมนเชสเตอร์ อย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังไม่ได้แข่งเนื่องจาก ในวันอาทิตย์นี้ (2 มี.ค.) พวกเขาจะลงเล่นนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลถ้วย แคปิตอลวัน คัพ กับ “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์
มาพูดถึงหลังเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ 3-0 เป็นชัยชนะ ครั้งแรกที่ พลพรรค “หงส์แดง” บุกไปชนะ “เดอะ เซนต์” ได้ถึงรังพวกเขาในรอบ 11 ปีเลยทีเดียว โดยในเกมนี้หลุยส์ ซัวเรส หัวหอกตัวเก่งของทีม ยิง 1 จ่ายหนึ่ง และเรียกจุดโทษอีกหนึ่งลูก
ทำให้ตัวหัวหอกรายนี้ ยิงเพิ่มเป็น 24 ลูก รั้งตำแหน่งดาววัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก แถมยังแอสซิส อีก 10 ลูกมากที่สุดในลีกอีกด้วย
ปีนี้แนวรุกของ “หงส์แดง” ยิงกันเยอะที่สุดใน ทุกทีมพรีเมียร์ ลีก โดยยิงไปทั้งหมด 73 ประตู มากกว่า แมนฯ ซิตี้ 69 ประตู แต่พวกเขาก็มีปัญหาในแนวรับ เพราะเสียมากถึง 35 ประตู มากกว่า ทุกทีมในบิ๊กโฟร์ (เชลซี เสีย 22, อาร์เซน่อล เสีย 28, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 27)
เพราะฉะนั้น จุดแข็งของพวกเขาในเกมรุกที่ยิงประตูได้มากมาย แต่ก็เสียประตูเยอะเช่นกัน ซึ่งตรงนี้อาจกระทบต่อ โอกาสการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ก็เป็นได้ แต่พวกเขาก็ได้รับข่าวดี เมื่อ มามาดู ซาโก้ แนวรับตัวแกร่งของทีมหายบาดเจ็บใกล้กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับ ลูคัส เลวา และโฆเซ่ เอ้นริเก้
ด้าน “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เรียกได้ว่าพวกเขาต้องพบเจอกับ โปรแกรมการแข่งขันหฤโหด หลังเจอ สโต๊ค ซิตี้ วันที่ 8 มีนาคม
พวกเขา ต้องเล่นในบ้านพบกับ เอฟเวอร์ตัน ในศึกฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ (ที่มี โรเมลู ลูคาคู หายบาดเจ็บกลับมาแล้ว), ในศึก ยูฟ่า แชป์เปี้ยนส์ ลีก วันที่ 11 มีนาคม พวกเขาต้องบุกไปเยือน “เสือใต้” บาร์เยิร์น มิวนิค
และต่อด้วย ทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์กับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในวัน อาทิตย์ ที่ 16 มีนาคม, ต่อด้วยทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ อีกครั้งกับ เชลซี ในสัปดาห์ถัดไป และกลับมาต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันเสาร์ ที่ 29 มีนาคม ต่อด้วย 5 เมษายน บุกเยือน กูดิสัน ปาร์ก ของ เอฟเวอร์ตัน
ดูแล้วเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่พลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” มีโอกาสแหกโค้งมากที่สุด และน่าเห็นใจแทน อาร์แซน เวนเกอร์ จริงๆ อาร์เซน่อล ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการแผ่วปลาย และปีนี้เป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่พวกเขาจะได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีก เพราะผลงานในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกนั้นดูดีสุดๆ
แต่หลังจากปีใหม่มาแล้ว พวกเขาเริ่มจะกลับเข้าฟอร์มเดิมอีกครั้งเหมือนฤดูกาลก่อนๆ ทั้งผลงานของนักเตะที่ดรอปลงไปอย่าง เมซุต โอซิล และเรื่องราวนอกสนามคาวโลกีย์ของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมอีกด้วย ทำให้ปีนี้แฟนๆ “เดอะ กันเนอร์ส” ต้องเอาใจช่วยกันเยอะหน่อย