สธ.เพิ่มประสิทธิภาพดูแลปชช.ใน5จว.ภาคกลาง
ปลัด สธ. ระดมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแล ปชช. และลดการเจ็บป่วยเสียชีวิต ใน 5 จว.กลางตอนบน
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้บริหารประจำเขตบริการสุขภาพที่ 3 ประกอบด้วย 5 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร ชัยนาท เพื่อติดตามผลการพัฒนาและจัดบริการสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ที่มีจำนวน 3 ล้านกว่าคน ร่วมกันของโรงพยาบาลทุกระดับ เป็นเครือข่ายบริการเดียวกันทั้งในระดับเขตและในระดับจังหวัด ตามแผนการพัฒนาระบบสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการ ลดปัญหาเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชน
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวว่า ตามแผนการพัฒนาเขตบริการสุขภาพ ซึ่งมีทั้งหมด 12 เขตทั่วประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งพัฒนาระบบการดูแลทารกแรกเกิด ที่มีอาการวิกฤติทุกพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด และเด็กน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน คือ น้อยกว่า 2,500 กรัม ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กทารกอายุต่ำกว่า 28 วัน หรือมีผลต่อพัฒนาการล่าช้า จากสถิติที่ผ่านมา ทั่วประเทศมีเด็กคลอดก่อนกำหนด คือ คลอดเมื่ออายุครรภ์ 28-37 สัปดาห์ ปีละ 64,000-80,000 คน และมีเด็กที่มีอาการหนัก ต้องอยู่ในไอซียูปีละกว่า 11,000 คน เนื่องจากอวัยวะต่างๆ ยังทำงานไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะระบบการหายใจ ตับ และระบบภูมิต้านทานโรค ทำให้ติดเชื้อง่าย การควบคุมอุณหภูมิร่างกายไม่ดี และมีปัญหาการดูดนม ต้องได้รับการดูแลจากบุคลากรการแพทย์ที่มีความชำนาญ และต้องอยู่ในโรงพยาบาลเฉลี่ยรายละ 2-3 เดือน จากข้อมูลในปี 2554 มีเด็กทารกอายุต่ำกว่า 28 วัน เสียชีวิต จำนวน 3,154 ราย
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้ให้ทุกเขตบริการสุขภาพ ตั้งคณะกรรมการพัฒนาทารกแรกเกิด เพื่อบริหารจัดการทั้งในระดับเขต และระดับจังหวัด จัดระบบบริการร่วมกันตั้งแต่การฝากครรภ์ การพัฒนาห้องคลอด การเพิ่มหน่วยไอซียูดูแลทารกแรกเกิดในภาวะวิกฤติ ซึ่งที่ผ่านมา จะอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป เป้าหมายจะขยายลงถึงโรงพยาบาลชุมชนขนาด 90-120 เตียงด้วย เพื่อให้เด็กที่มีปัญหาได้รับการดูแลที่รวดเร็ว และพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีมาตรฐาน ลดปัญหาแทรกซ้อนระหว่างนำส่ง