"กันตา ดานาว" เปิดใจ ข่าวลือป่วยโรควิตกจริตต้องออกวงการ !?
อดีตนางเอกลูกครึ่งเจ้าของรางวัลตุ๊กตาทอง "วิกกี้ กันตา ดานาว" เดินทางมาเปิดใจเป็นครั้งแรกผ่านรายการ "คนดังนั่งเคลียร์ ช่อง 2 สตาร์แม็กซ์" หลังหายหน้าไปนานถึง 15 ปี พร้อมกับข่าวลือที่ว่าเจ้าตัวเกิดอาการป่วยเป็นโรควิตกจริตระแวงเรื่องลูก จนเป็นเหตุให้ต้องออกจากวงการบันเทิงในช่วงที่กำลังขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพนักแสดง!!!
พี่กี้ก่อนอื่นช่วยอัพเดทสักหน่อยว่าหายไปทำอะไรมาบ้าง 15 ปีที่ผ่านมา ?
"ที่หายไปก็คือตอนนี้ทำงานประจำอยู่ที่ ดิวตี้ ฟรี คิงพาวเวอร์ค่ะ แต่ว่าล่าสุดเลยเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะมีละครอีกครั้งกับทางโพลีพลัส เรื่องบ้านศิลาแดง รับบทเป็นคุณแม่ เล่นคู่กับคุณไพโรจน์ สังวริบุตร ค่ะ"
คิดว่ายากไหมสำหรับบทนี้เพราะเราเองก็เคยเล่นแต่บทนางเอกมาตลอด ?
"สำหรับบทแม่ไม่ยากเลยค่ะ และอีกอย่างคือได้มีโอกาสลองซ้อมมาบ้างแล้วด้วย ก็น่าจะยังไหวอยู่ค่ะ"
อย่างตอนนี้ก็เหมือนมีดาราหลายคนผันตัวมารับบทคุณแม่เยอะ ส่วนตัวพี่กี้เองคิดว่าจะยังสู้พวกเขาไหวไหม ?
"คือสำหรับตัวพี่เองจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะกลับมาสู้อะไรกับใครหรอกนะ เพียงแต่ว่าเราหายไปนานและค่อนข้างคิดถึงการแสดงมาก มันก็เลยทำให้อยากกลับมาชาร์จแบตตัวเองอีกครั้งแค่นั้นเองค่ะ"
แต่เห็นว่าครั้งนี้กลับมาไม่ได้มาคนเดียว ตั้งใจพาลูกชายเข้าวงการด้วย ?
"นิดนึงค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่าจริง ๆ เลยนะ คือไม่อยากเปิดตัวอะไรมากมาย เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงคุย ๆ กันอยู่ยังไม่มีอะไรลงตัวเลยค่ะ"
พอมีคนทาบทามน้องแบบนี้พี่กี้มีแพลนจะส่งน้องเรียนแอคติ้งบ้างไหม ?
"ไม่มีค่ะ เพราะว่าตอนแรกพี่ไม่เคยคิดเลยว่าจะดันลูกเข้าวงการ แต่บังเอิญช่วงนี้มันเหมือนจะมีกระแสในอินเตอร์เน็ต ก็เลยทำให้ค่ายละครเขาติดต่อเข้ามาค่ะ"
ที่บอกว่าติดต่อมาคือเขาอยากได้น้องทั้ง 2 คน ไปร่วมงานเลยหรือเปล่า ?
"ตอนนี้แค่เฉพาะคนเล็กค่ะ แต่ว่าที่แปลกมากเลยก็คือจริง ๆ แล้วเขาสนใจคนโต แต่พอดีคนโตไปรับราชการก็เลยไม่มีโอกาสได้รับงานค่ะ"
ขออนุญาตถามถึงข่าวลือที่ว่าพี่กี้มีอาการวิตกจริตจนต้องออกจากวงการบ้าง ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
"ก็คือช่วงนั้นลูกพี่ยังเล็กมาก เลยทำให้พี่มีอาการเหมือนคนเป็นโรควิตกจริตกลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด อีกอย่างช่วงนั้นเราเองก็ไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงด้วย เพราะมันข่าวอย่างเช่น พี่เลี้ยงขังเด็ก พี่เลี้ยงทำร้ายเด็กออกมาเยอะ พี่ก็เลยตัดสินใจว่าขอเลี้ยงลูกเองดีกว่า แต่ว่าตอนนี้พอลูกโตขึ้นตัวพี่เองก็โตขึ้น อาการเหล่านั้นมันก็เลยลดน้อยลงไป แต่ถามว่ายังเป็นห่วงไหมก็ยังเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าไม่เป็นเหมือนตอนที่เขายังเล็กแค่นั้นเองค่ะ"
แสดงว่าช่วงนั้นพี่กี้ก็มีอาการคล้ายโรควิตกจริตจริง ๆ ?
"พี่มองว่ามันเป็นอาการของคุณแม่ที่แบบเพิ่งจะคลอดลูกใหม่ ๆ มากกว่า เลยทำให้เราค่อนข้างเซนซิทีฟง่าย เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็จะน้ำตาตก แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ"
พอเป็นแบบนี้กลัวคนจะมองไหมว่าโรควิตกจริตคือเหตุผลหลักที่ทำให้เราต้องยอมออกจากวงการเพื่อมาทุ่มเวลาให้กับการดูแลลูก ?
"ไม่ขนาดนั้นค่ะ เพราะพี่เชื่อว่าคุณแม่ที่เลี้ยงลูกเองทุกคนต้องเป็น นั่นก็คืออาการติดลูกเป็นห่วงลูก แล้วมันมาบังเอิญอีกว่าช่วงนั้นมีข่าวพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กเยอะ ก็เลยทำให้พี่คิดเยอะว่าจะหาทางออกยังไงดี แต่สุดท้ายก็คือพี่มองว่าถ้าอย่างน้อยเราเลี้ยงลูกเราเอง เราก็จะมีโอกาสได้เห็นพัฒนาการของเขามากขึ้น มันก็น่าจะดีกับตัวเราด้วย ส่วนงานบันเทิงอันนี้เราพักไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำอีกเมื่อไหร่ก็ได้ (ยิ้ม)"
ถ้าสมมุติลูกชายคนเล็กเข้าวงการแล้วเขามีข่าวกับสาว ๆ พี่กี้คิดว่าจะยังกังวลอยู่ไหม ?
"ไม่ค่ะ เพราะพี่เองก็ไว้ใจลูกพอสมควรและที่สำคัญพี่ก็ยังอยู่ตรงนี้เนอะไม่ได้ห่างเขาสักเท่าไหร่ ก็คิดว่าคงไม่กังวลมากหรอกค่ะ"
สุดท้ายพี่กี้ช่วยฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่เขารอดูผลงานเรื่องแรกในรอบ 15 ปีของเราสักนิดนึง ?
"ก็ฝากด้วยนะคะ ตอนนี้กี้ก็กลับมาแล้วกับบทบาทใหม่ในละครหลังข่าว หลังจากที่หายหน้าไปนานพอสมควรเหมือนกัน รับรองเลยค่ะว่ากลับมาครั้งนี้เต็มที่แน่นอน (ยิ้ม)"
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ