วิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ศึกแดงเดือด แมนฯ ยูฯ พบ ลิเวอร์พูล
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
(6) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล (2)
วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2557
เวลา : 20.30 น.
ถ่ายทอดสด : CTH Stadium 1 ,ช่อง 9 โมเดิลไนน์
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคลทเทนเบิร์ก
----------------------------------------------------------------------------
ความพร้อมของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด
เดวิด มอยส์ กุนซือของ "ปีศาจแดง" พาทีมกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งในนัดล่าสุดที่เก็บชัยชนะเหนือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนส์ ไปได้แบบขาดลอย 3-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ขยับขึ้นมามีเพิ่มเป็น 48 คะแนน โดยนอกเหนือจากจะได้ผลการแข่งขันที่ต้องการแล้ว การต่อบอลภาคพื้นดินของทีมยังคงเป็นไปอย่างไหลลื่นกว่าทุกๆ ครั้ง
ในส่วนของขุมกำลัง ข่าวดีก็คือ ราฟาเอล ดา ซิลวา จะพร้อมกลับมาลงประจำการในตำแหน่งฟูลแบ็คได้อย่างแน่นอน ภายหลังจากที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อยในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่ จอนนี่ อีแวนส์ ก็คัมแบ็คพร้อมเป็นตัวเลือกเช่นเดียวกัน แต่คาดว่าเจ้าตัวจะยังต้องนั่งสำรองไปก่อน เนื่องจาก คริส สมอลลิ่ง กับ ฟิล โจนส์ ดูจะยังจับคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟกันได้ดี
ขยับขึ้นมาที่แนวรุก ถึงแม้ หลุยส์ นานี่ จะกลับมาฝึกซ้อมกับทีมได้ตามปกติแล้ว แต่เชื่ว่า มอยส์ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีมอะไรมากนัก โดยจะส่ง อันนาน ยานาไซ , เวย์น รูนี่ย์ , ฆวน มาตา และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ประจำการเหมือนเดิม ในขณะที่ ไมเคิ่ล คาร์ริค จะคอยประคองเกมกลางสนามร่วมกับ มารูยาน เฟลไลนี่ ห้องเครื่องหัวฟู ที่กลับมาฟอร์มแจ่มอีกครั้งหนึ่ง
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม : ดาบิด เด เคอา : คริส สมอลลิ่ง , ฟิล โจนส์ , ปาทริซ เอวร่า , ราฟาเอล ดา ซิลวา - ไมเคิ่ล คาร์ริค , มารูยาน เฟลไลนี่ , ฆวน มาตา , อัดนาน ยานาไซ - เวย์น รูนี่ - โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
----------------------------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูล
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมหนุ่มของ "หงส์แดง" ได้พักมาถึง 2 สัปดาห์เต็มๆ ภายหลังจากที่ไม่มีโปรแกรมลงสนามเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากทีมที่ถูกวางโปรแกรมให้ต่อกรด้วยนั้นต้องลงสนามในศึก เอฟเอ คัพ ทำให้ผู้เล่น "หงส์แดง" จะได้เปรียบพอสมควรในเรื่องของสภาพความสด แถมตัวผู้เล่นบาดเจ็บหน้าใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยมีเข้ามาให้ปวดหัวมากนัก
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูคัส เลว่า กองกลางตัวรับชาวบราซิเลี่ยน คัมแบ็คกลับมาลงฝึกซ้อมอย่างเต็มตัวได้แล้วเรียบร้อย แต่เป็นที่คาดกันว่า ร็อดเจอร์ส น่าจะยังดร็อปเป็นตัวสำรองไปก่อน ในขณะที่ มามาดู ซาโก้ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ก็พร้อมเป็นตัวเลือกเช่นกัน แต่คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงอย่าง ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ และ มาร์ติน สเคอร์เทล ยังไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด ฉะนั้น ตรงจุดนี้น่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
ในส่วนของความเปลี่ยนแปลงในแดนหน้า เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น่าจะกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงคืนได้อีกครั้ง โดยจะประสานงานร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ และ ดาเนี่ยล สเตอร์ริด ขณะที่แผงมิดฟิลด์ ต้องวัดใจ "บี-ร็อด" ว่าจะเลือกส่งใครลงระหว่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ หรือ โจ อัลเลน เนื่องจากช่วงหลังๆ ดูเหมือนว่า อัลเลน จะเล่นได้เข้าฟอร์มมากกว่า แถมจะได้ข้อดีเพิ่มมาอีกอย่างก็คือลูกขยัน
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม : ซิมงต์ มินโญเลต์ - มาร์ติน สเคอร์เทล , ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ , จอห์น ฟลานาแกน , เกล็น จอห์นสัน - สตีเว่น เจอร์ราร์ด , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - ราฮีม สเตอร์ลิ่ง , หลุยส์ ซัวเรซ , ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
ผลงานการพบกัน 5 นัดหลังสุด
25/9/13………. ลีกคัพ………… แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล
1/9/13……….. พรีเมียร์ลีก…… ลิเวอร์พูล 1-0 แมนฯ ยูไนเต็ด
13/1/13……… พรีเมียร์ลีก…… แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล
23/9/12……… พรีเมียร์ลีก…… ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
11/2/12……… พรีเมียร์ลีก…… แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล
ข้อมูลน่าสนใจ
• นับตั้งแต่เปลี่ยนปฏิทินปีใหม่ ลิเวอร์พูล เก็บแต้มในลีกไปถึง 24 คะแนน จากทั้งหมด 27 แต้ม
• คู่หู SAS ยิงรวมกันในลีกซีซั่นนี้ไปแล้ว 73 ประตู
• อย่างไรก็ตาม 6 เกมหลังสุดที่คู่นี้เจอกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย
• ครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ยู แพ้ ลิเวอร์พูล คาบ้าน เกิดขึ้นในฤดูกาล 2008-2009 โดยเป็น "หงส์แดง" ถล่ม 4-1
• ฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ยู จบซีซั่นด้วยการคว้าแชมป์ลีก โดยมีแต้มเหนือกว่า ลิเวอร์พูล 28 คะแนน
• 6 เกมหลังสุดที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ลงเล่นในเกมลีกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขายิงไป 5 ลูก
• นอกจากนี้ "อาร์วีพี" ยังยิงไปถึง 6 ประตู จากเกมลีก 7 นัดหลังที่พบ "หงส์แดง"
• ศึก "แดงเดือด" เคยมีใบแดงไปแล้ว 14 ใบ (นับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก) เป็นรองเพียงแค่ เมอร์ซี่ไซต์ ดาร์บี้แมตช์ (20)
• ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ได้จุดโทษมากที่สุดในซีซั่นนี้ นั่นคือ 7 ครั้ง