ตร.ฟันเจ้าของบ่อขยะปากน้ำควันไฟลามถึงบางนา-เร่งคุม
ตำรวจ จ่อแจ้งข้อหาหนัก คนเช่าบ่อขยะไฟไหม้แล้ว รอเจ้าทุกข์มาแจ้งความ ไฟยังกรุ่น ขนรถแบคโฮ ช่วยดับไฟ ห่วงสารก่อมะเร็ง ขณะที่ ประกาศให้พื้นที่บ่อขยะไฟไหม้ข้ามวัน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน
พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากรณีเกิดเหตุไฟไหม้บ่อขยะขนาดใหญ่ที่ ต.แพรกษา เนื้อที่กว่า 100 ไร่ เมื่อวานนี้นั้น ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสกัดเพลิง และหาทางป้องกัน โดยตำรวจท้องที่ ได้รับมอบหมายให้ดูการจราจรในพื้นที่ และรับแจ้งความทางคดี ในเรื่องนี้ โดยคาดว่า ในบ่ายวันนี้ ( 17 มี.ค.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปภ. อบต. หรือทางจังหวัด จะเป็นเจ้าทุกข์ร่วมเข้ามาแจ้งความกับตำรวจ โดยเบื้องต้นจะแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาท ทำให้เกิดเพลิงไหม้ ทำให้ผู้อื่นอาจได้รับอันตราย แก่ผู้เช่าบ่อขยะดังกล่าว ซึ่งตำรวจทราบแล้วว่าเป็นผู้ใด
ขณะที่ไฟกองขยะ ยังไม่สามารถดับได้ ยังคงมีควันออกมาอย่างต่อเนื่อง และลอยไปทั่วบริเวณแล้ว ซึ่งประสานระแบคโฮ และโป๊ะ เพื่อนำมาช่วยพลิกกองขยะ ที่มีน้ำอยุ่ด้านล่างเพื่อช่วยดับไฟแล้ว ซึ่งคาดว่าภายในวันนี้ จะเดินทางมาอำนวยการดับไฟได้
ประกาศพื้นที่ไฟไหม้บ่อขยะเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว
นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า วันนี้ (17 มี.ค.) ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องของ ต.แพรกษา ซึ่งเป็นพื้นที่บ่อขยะขนาดใหญ่ ที่เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพื่อเข้าไปดูแลประชาชน พร้อมประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่ และง่ายต่อการปฏิบัติงาน ล่าสุด สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดแล้ว แต่ยังเกิดการลุกไหม้ ต้องฉีดน้ำเลี้ยงป้องกันการลุกลามตลอดเวลา
ส่วนการอพยพประชาชนกว่า 30 ครัวเรือน ออกมาจากพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดูแลสุขภาพแล้ว โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ยังแจกหน้ากากอนามัย และประสานกรมควบคุมมลพิษ ตรวจสอบสภาพอากาศ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ส่วนการแก้ปัญหา คาดว่าหากได้รับการการสนับสนุนเครื่องมืออย่างดี ไม่กี่วันสถานการณ์จะคลี่คลาย
หมอกควันบ่อขยะไหม้ปากน้ำเริ่มส่งผลกระทบปชช.
นายไพรินทร์ นิ่มเจริญ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ความคืบหน้ากรณีเพลิงไหม้บ่อขยะ พื้นที่กว่า 100 ไร่ ใน ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.2557) จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอย่างต่อเนื่อง และสามารถควบคุมเพลิงที่ลุกลามออกไปราว 50 ไร่ ให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว แต่ยังมีเพลิงลุกไหม้ในบางจุด ต้องใช้รถขุดตักขนาดเล็กเข้าไปตักขยะที่ยังมีไฟคุกรุ่นขึ้นมาฉีดน้ำเพื่อดับ ซึ่งตลอดคืนที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งทำงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำระยะไกลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 2 เครื่อง มาสนับสนุนการดับเพลิงของเจ้าหน้าที่ ซึ่งสามารถฉีดได้เป็นวงกว้าง และมีระยะ 3 กิโลเมตร รวมถึง ยังสามารถส่งต่อน้ำไปยังรถดับเพลิงอีกด้วย ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำเพื่อดับเพลิงนั้น ทำให้เกิดกลุ่มควันสีขาวลอยกระจายออกมาจนทั่วบริเวณ และกระจายตัวเป็นวงกว้างกว่า 5 ตารางกิโลเมตร จากบ่อขยะ ส่งผลให้ผู้ใช้รถที่สัญจรผ่านจุดดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวัง และทำให้การจราจรติดขัด รวมถึงยังส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว โดยเฉพาะจุดที่ใกล้กับบ่อขยะ ส่วนชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ปิดบ้านแล้วอพยพไปอยู่ด้านนอก เนื่องจากได้รับผลกระทบของควันจากบ่อขยะ
กรมมลพิษห่วงไฟไหม้บ่อขยะอาจมีสารก่อมะเร็ง
นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้บ่อขยะที่ ต.แพรกษา ทางกรมควบคุมมลพิษ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจวัดมลพิษในอากาศ เกี่ยวกับ ฝุ่นละออง กลิ่น และก๊าซพิษต่างๆ เพราะกรณีการเกิดไฟไหม้ขนาดใหญ่อย่างนี้ จะก่อให้เกิดก๊าซพิษเกิดเป็นอันตรายกับประชาชนที่สูดดมเข้าไป โดยเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองดวงตา และยังมีก๊าซบางชนิดที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจวัดพบว่ามีค่าสูงเกิน ก็จะต้องประกาศเตือนประชาชนให้ทราบ เพื่อหาทาง
ป้องกัน
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า เบื้องต้นประชาชนก็ต้องหาทางป้องกันได้ก่อน ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันในเบื้องต้น รวมถึง พวกเด็ก คนชรา พวกที่เป็นโรคหัวใจ รวมทั้งผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคความดัน ควรอยู่ให้ห่างจากการสูดดมก๊าซพิษพวกนี้ เพราะอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพลิงลุกไหม้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน การฟุ้งกระจายของกลุ่มควัน และกลิ่น จากก๊าซพิษจะฟุ้งกระจายไปไกลขนาดไหนต้องขึ้นอยู่กับทิศทางลม ส่วนกรณีนี้น่าจะฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง ประชาชนต้องหาทางป้องกันในเบื้องต้นไว้ก่อน ทางกรมควบคุมมลพิษ จะเร่งตรวจวัดค่ามลพิษในอากาศบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุเพื่อประกาศเตือนประชาชนให้ทราบถึงผลกระทบต่างๆ
สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.ประสานช่วย ปชช.จากไฟไหม้บ่อขยะ
นายสมชาย ฉัตรสกุลเพ็ญ รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เปิดเผย กรณีที่มีประชาชนหลายจุดได้รับผลกระทบจากหมอกควัน หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะ ที่ อ.เมืองสมุทรปราการ ว่า สำนักสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ เร่งตรวจสอบผลกระทบและอันตรายที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งประสานการทำงานกับสำนักอนามัย ให้ความช่วยเหลือ จัดทีมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ วิธีการป้องกันปัญหาหมอกควันเบื้องต้น โดยให้ประชาชนหาผ้าปิดปากและจมูก หลีกเลี่ยงการสูดดมควันเข้าสู่ร่างกาย หรือ ไม่ควรเข้าไปพื้นที่ที่มีหมอกควันหนาแน่น เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น
สธ.ส่งทีมแพทย์ช่วยปชช.ควันพิษบ่อขยะพบป่วย2ราย
น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปดูแล ให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากควันไฟ จากไฟไหม้ที่บ่อขยะขนาดใหญ่ ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู พร้อมให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) แพรกษา อสม. ร่วมกับ อบต.แพรกษา แจกหน้ากากอนามัย 5,600 ชิ้น เพื่อป้องกันการสูดละอองควันไฟเข้าปอด และดำเนินการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่ในรัศมีรอบบ่อขยะที่สำคัญ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคปอด ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีอาการกำเริบได้ง่าย
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคส่งผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์ ลงไปประเมินผลกระทบสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อวางแผนแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีผู้ได้รับผลกระทบ 2 ราย รายแรกเป็นอาสาดับเพลิงชาย อายุ 17 ปี สำลักควันไฟหายใจไม่ออก ทีมแพทย์ฉุกเฉินได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ ขณะนี้อาการดีขึ้นและกลับไปพักผ่อนที่บ้าน รายที่ 2 เป็นหญิงอายุ 35 ปี หายใจไม่ออกเช่นกัน รักษาที่โรงพยาบาลเปาโล(เมโมเรียล)สาขาสมุทรปราการ อาการดีขึ้นกลับบ้านแล้ว ขอแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงการสูดควันไฟ หากจำเป็นต้องออกจากบ้านขอให้ใส่หน้ากากอนามัยหรือใช้ผ้าชุบน้ำปิดปากจมูก หากเกิดอาการระคายเคือง เช่น แสบตา หรือ ใจสั่น แน่นหน้าอก ขอให้พบแพทย์ในสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้