กทม.เร่งดับไฟบ่อขยะแพรกษาคาดจบสัปดาห์นี้
โฆษก กทม. เผย การระดมช่วยเหลือดับไฟบ่อขยะแพรกษา ยังไม่ถอนกำลัง ช่วยดับต่อ เหลืออีก 20% ด้าน ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ คาด ดับได้ในสัปดาห์นี้ ขณะดีเอสไอ ลงพื้นที่หาสาเหตุจ่อฟันคนผิดแล้ว ส่วน สุราษฎร์ฯ ยังฉีดน้ำเลี้ยงไฟไหม้บ่อขยะ
น.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งเจ้าหน้าที่ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ไปช่วยดับไฟที่บ่อขยะภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ ว่า กทม. ได้ส่งทีมดับเพลิงของเข้าไปช่วยดับไฟตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา จนขณะนี้สามารถดับไฟได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยทุก ๆ วันได้ระดมทีมดับเพลิงเข้าไปเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อเร่งดับไฟให้เร็วที่สุด โดยเมื่อวานนี้ ได้เพิ่มกำลังรถดับเพลิงเป็น 22 คัน จาก 17 สถานี นักดับเพลิง 85 นาย เพื่อเร่งดับไฟได้กองขยะที่พื้นที่ส่วนเหลือประมาณ 20% ของพื้นที่
น.ส.ตรีดาว กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์พ่นละอองน้ำ จำนวน 40 ตัว เพื่อลดปริมาณควันที่จะ
แพร่กระจาย และใช้เครื่องสูบน้ำจากสำนักการระบายน้ำ กทม. จำนวน 8 เครื่อง โดยทำการดึงน้ำจากคลองบริเวณใกล้เคียงลงไปในบ่อขยะ พร้อมกับมีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการดูแลสุขภาพประชาชนผู้ได้รับผลกระทบนั้น ทางหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของ กทม. ร่วมกับทีมแพทย์อาสา ศูนย์บริการสาธารณสุข และสำนักงานเขตยังคงลงพื้นที่เข้าไปดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบ
ผู้ว่าฯ ชี้ไฟไหม้บ่อขยะคาดดับในสัปดาห์นี้
นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้า
กรณีไฟไหม้บ่อขยะใน ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมและบีบพื้นที่เหลือเพียง 20% แล้ว ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะแล้วเสร็จ สามารถควบคุมไฟให้ดับสนิทได้ ส่วนเมื่อดำเนินการควบคุมเพลิงไหมแล้วเสร็จนั้น ก็จะต้องมีการดำเนินการพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งในเบื้องต้น เจ้าของและผู้เช่าบ่อขยะจะต้องมีมาตรการในการดูแลและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากกว่านี้ และสืบเนื่องจากบ่อขยะนี้เป็นบ่อขยะเก่าตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว และถูกเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จึงได้เข้าตรวจสอบ และอยู่ระหว่างสืบหาสาเหตุ เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
ส่วนด้านปริมาณคุณภาพอากาศนั้น ทางกรมควบคุมมลพิษ ได้เข้าตรวจวัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้สภาพอากาศ
ใกล้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
ด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้น ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการเข้ามาสำรวจข้อมูลเบื้องต้น ก่อนดำเนินการตามระเบียบของราชการแล้ว รวมทั้งทาง กระทรวงสาธารณสุข ยังได้รับผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบให้เข้ารับการรักษาฟรี ซึ่งขณะนี้ มีประชาชนเข้ารับการรักษาแล้วกว่า 800 ราย ส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางหายใจ
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า อยากให้มีการดำเนินการที่เป็นรูปแบบ อาทิ การก่อตั้งโรงงานกำจัดขยะโดยตรง เนื่องจากจะมีผลดีต่อประชาชน ยังลดสภาวะกลิ่นเหม็นทางอากาศ และดีกว่าระบบฝังกลบในปัจจุบันนี้อีกด้วย
ปภ.ปากน้ำเผยไฟไหม้บ่อขยะแพรกษา ดีขึ้น
นายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าล่าสุดในการดับไฟที่บ่อขยะกว่า 100 ไร่ที่ ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการว่า ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้ระดมรถแบคโฮเพื่อพลิกขยะ และกดขยะให้จมน้ำ เพื่อดับไฟแล้ว ซึ่งคาดว่าเหลือเพียง 20 ไร่เท่านั้น ที่ไฟยังดับไม่สนิท ด้านควันไฟที่คุกรุ่นอยู่มีปริมาณที่ลดลงมากจากเดิมซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่เกิด 1 - 2 วันนี้จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด
ส่วนเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงนั้น ได้ตั้งเต็นท์เพื่อให้ประชาชนที่เดือดร้อนลงชื่อ เพื่อรับความช่วยเหลือตามระเบียบของทางการต่อไป
ล่าสุด บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ โดยนำรถดับเพลิง 7 คัน พร้อมเทคโนโลยีช่วยดับไฟจากบริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด (NPC S&E) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ PTTGC และอุปกรณ์สร้างม่านน้ำ และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เข้าร่วมกับหน่วยงานจากภาครัฐ 23 หน่วย เพื่อทำการระงับไฟบ่อขยะบริเวณเทศบาลตำบลแพรกษา จ.สมุทรปราการ อย่างเร่งด่วน
สุราษฎร์ฯยังฉีดน้ำเลี้ยงไฟไหม้บ่อขยะ
ความคืบหน้าเหตุไฟไหม้บ่อขยะเก่า ของเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ในพื้นที่ ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ล่าสุด บริเวณบ่อขยะ ยังมีควันไฟคุกรุ่นอยู่หลายจุด เจ้าหน้าที่ยังคงนำรถดับเพลิงเข้าฉีดน้ำเลี้ยงบริเวณรอบๆ เพื่อป้องกันไฟลุกซ้ำอีก ส่วนเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ได้จัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าตรวจสุขภาพประชาชนที่อยู่รอบๆ บริเวณบ่อขยะ เพื่อเฝ้าระวังด้านสุขภาพ ที่อาจเกิดจากมลพิษของควันไฟที่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
ด้าน นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประกาศให้พื้นที่บ่อขยะเป็นเขตภัยพิบัติมลพิษทางอากาศแล้ว และห้ามประชาชนเข้าไปในบริเวณดังกล่าว
ปลัดอบต.แพรกษาเผยมีบ่อขยะแพรกษาใหม่อีก
นายประพันธ์ ชอบสอน ปลัดสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลแพรกษา กล่าวถึงผลกระทบต่อเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะ ว่า หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ่อขยะแห่งนี้ ทางสำนักงานองค์การบริการส่วนตำบลแพรกษา พยายามเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอย่างเต็มที่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทางหน่วยงานของรัฐ ต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทาง อบต. เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น อำนาจการจัดการต่างๆ จะขึ้นอยู่กับทางจังหวัดและกระทรวงทรัพยากรธรณีฯ ที่จะหามาตรการแก้ไขในระยะยาวต่อไป
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณบ่อขยะแห่งนี้ แต่ทาง อบต. ยังมีบ่อขยะที่จะนำขยะไปทิ้งอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่ของ อบต.แพรกษาใหม่ ในพื้นที่กว่า 100 ไร่ เช่นกัน ซึ่งเป็นบ่อขยะของเอกชนที่ขออนุญาตอย่างถูกต้อง โดยทาง อบต. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำขยะไปทิ้งในบ่อของเอกชนแห่งนี้เดือนละกว่า 250,000 บาท และตอนนี้มีการนำขยะไปทิ้งมีจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งก็น่าเป็นห่วงที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อน ซึ่งทางเอกชนที่รับเหมาทิ้งขยะจะต้องดูแลกวดขัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ต่อไปการจะนำขยะที่มีปริมาณมากในแต่ละวันไปทิ้งหรือเผาทำลายที่ไหนต่อไปนั้น คงต้องมีการพิจารณาร่วมกันกับทางจังหวัดเพื่อหาสถานที่ ที่จะนำขยะไปทิ้ง ซึ่งคงต้องดูสถานที่ ที่ห่างไกลจากชุมชน และต้องมีการกำหนดมาตรการให้กับเอกชนผู้รับสัมปทานในการที่จะกวดขันดูแลการทิ้งขยะให้เข้มงวดมากว่านี้