สุภรณ์เชื่อยิงถล่มศูนย์ประสานงานปมการเมือง

แรมโบ้อีสาน เชื่อ ยิงถล่มศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย มาจากปมการเมือง ด้าน ตำรวจ ระบุ คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 ราย

ความคืบหน้า คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่ม ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย ของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฉายา แรมโบ้อีสาน ซึ่งกระสุนได้ถูกฝ้าเพดาน และกระจกด้านหน้าที่ทำการเป็น
รูโหว่ จำนวน 19 รู ไม่มีใครได้รับอันตราย

ด้าน พล.ต.ต.พงษ์เดช ผบก.จ.นครราชสีมา กล่าวว่า เบื้องต้นคนร้าย มีไม่ต่ำกว่า 2 ราย ใช้รถปิกอัพ สีขาว แล่นมาจากทางด้าน อ.โชคชัย มุ่งหน้าเข้าตัว อ.ครบุรี แต่ก่อนจะเข้าตัวอำเภอ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร ได้กลับรถมาด้านหน้าสำนักงาน และใช้อาวุธปืน คาดว่าจะเป็นอาวุธปืนสงครามชนิดอาก้า กระหน่ำ
ยิงหลายชุดจนได้รับความเสียหาย ขณะนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อมูลภาพวงจรปิดที่อยู่ใกล้
เคียงทุกจุดโดยละเอียด เพื่อรวบรวมเป็นพยานหลักฐาน นำไปสู่การจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ประเด็นน่าจะ
เป็นการข่มขู่เพื่อหวังผลทางการเมือง เนื่องจาก อาคารสำนักงานดังกล่าว เป็นศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้ ตำรวจได้ตั้งประเด็นการก่อเหตุไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องการเมือง กับขัดแย้งส่วนตัว ขณะที่ตัว นายสุภรณ์ เองเชื่อว่า สาเหตุเกิดจากเรื่องการเมืองแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งกับกลุ่ม กปปส. ล่าสุด นายสุภรณ์ เพิ่งมีการแจ้งความดำเนินคดีกับสื่อมวลชน ถึงเรื่องการกล่าวหาว่า กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตย (อพปช.) เป็นพวกแบ่งแยกดินแดง

 

แรมโบ้อีสาน ฟันธงบึ้มสำนักงานโคราช ฝีมือ กปปส.

จากกรณีที่คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนอาก้า ยิงถล่มศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย เลขที่ 9 หมู่ที่ 3 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฉายาแรมโบ้อีสาน ริมถนนสายครบุรี-โชคชัย นายสุภรณ์ ได้กล่าวว่า มั่นใจว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ กปปส. คนที่มาลงมือก่อเหตุน่าจะมาจากที่อื่น และเป็นสิ่งที่ตนได้รับสัญญาณมาตลอดว่า จะมีการประกบแกนนำ โดยเฉพาะจะมีกลุ่มขบวนการที่มาจากของม็อบ กปปส. ตนยืนยันและมั่นใจลักษณะเช่นนั้น และสำคัญก็คือ ตนเพิ่งมีเรื่องมีราวไปฟ้องร้องคดีกับผู้บริหารของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กองปราบปราม ตนจึงมีความรู้สึกว่าน่าจะมีสัญญาณมาจากลักษณะเช่นนั้น และการใช้อาวุธสงครามถล่ม เบื้องต้นต้องการข่มขู่ก่อน ที่จะให้หยุดการเคลื่อนไหว หรือ หยุดเรื่องการที่จะระดมมวลชนในการที่จะออกไปต่อสู้กับเผด็จการหรือการปกป้องประชาธิปไตย ดังนั้นตนเชื่อว่าเป็นลักษณะของการข่มขู่
ไม่ได้มีเรื่องอื่นเข้ามา