สุรพงษ์ ทำหนังสือ เเจงทูต โวย คนไทยถูกละเมิดสิทธิ์จากเลือกตั้งโมฆะ

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจ้งต่อทูตแต่ละประเทศ เรื่องกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เป็นโมฆะ โดยได้แถลงการณ์ออกไปว่าเป็นที่น่าเสียใจ ว่าประชาชนกว่า 20 ล้านเสียงถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย และอยากให้สังคมโลกได้จับตามองเหตุการณ์ต่างๆในประเทศไทย หากมีกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็ได้ร้องขอต่อสังคมโลกให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนคนไทยที่ยึดมั่นในหลักของประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าในจำนวน 20 ล้านเสียงจะมีสิทธิในการถอดถอน กกต. หรือไม่นั้น นายสุรพงษ์กล่าวว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งหากเป็นตนจะไปร้องต่อศาลยุติธรรม

ส่วนกรณีที่ประมงชาวไทยฆ่าลูกเรือชาวอินโดนีเซีย ส่งผลให้ประเทศอินโดนีเซียปิดน่านน้ำ กระทบต่อชาวประมงกว่า 200 รายนั้น นายสุรพงษ์ ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ แต่จะให้กรมสารนิเทศน์เป็นผู้ชี้แจงแทน

ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จะมีการยกระดับการชุมนุมนั้น เชื่อว่าเป็นการประเมินจำนวนผู้สนับสนุน เพราะวันนี้จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมเริ่มน้อยลง และจากการประเมินเมื่อวานนี้ที่นายสุเทพได้เดินขบวน ก็จะเห็นว่า มีแต่การ์ดและประชาชนชื่นชอบนายสุเทพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจถึงข้อเรียกร้องของนายสุเทพ ว่าไม่ได้เป็นประชาธิปไตย และสิ่งที่นายสุเทพพูดมาโดยตลอดว่านายกรัฐมนตรีไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งตนต้องถามกลับไปว่านายสุเทพเคารพกฎหมายหรือไม่ ถ้าเคารพกฎหมายจริง ก็ควรที่จะไปมอบตัวในข้อหากบฏ ทั้งนี้หากจะมีการปฏิรูปประเทศก็ขอความชัดเจนในเรื่องของข้อมูลรอบด้านมากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องของนายกรัฐมนตรีซึ่งหากลาออกใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนต้องบอกให้ชัดเจน และจะมาด้วยวิธีไหนถ้ามานอกเหนือจากระบอบประชาธิปไตย ก็เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้ อย่างน้อย 20 ล้านคนก็รับไม่ได้ เพราะไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง และในส่วนของนายกรัฐมนตรีคนกลาง เชื่อว่า 20 ล้านเสียงคงไม่ยอม เพราะไม่ได้มาจากเลือกตั้ง

นอกจากนี้นายสุรพงษ์ได้กล่าวถึงความชัดเจนจากกองทัพว่ายังคงได้รับข้อมูลที่ตรงกันอยู่ว่ามีการขนอาวุธจำนวนมากจากชายแดนใต้ อย่างไรก็ตามอยากให้กองทัพดำเนินการตรวจสอบ