ปชป.ฟันธง 8 สัญญาณอันตรายทำ"เมษาเดือด"!! จี้"ยิ่งลักษณ์" หาทางดับวิกฤต
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าปชป. กล่าวว่า ในเดือนเมษายนเป็นต้นไป การเมืองจะดุเดือดรุนแรง อาจเพิ่มวิกฤตเป็น "เมษาเดือด" เพราะคดีความที่เกี่ยวกับคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำลังเข้าสู่องค์กรอิสระและศาลอย่างต่อเนื่องในหลายคดี โดยคดีที่สำคัญคือ การทุจริตจำนำข้าว และกรณีที่ 27 ส.ว.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ จากการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทำให้กลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาเคลื่อนไหวโดยมีการพูดถึงขนาดว่าหากมีการดำเนินการที่กระทบต่อสถานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้มีสัญญาณส่อให้เห็นว่าเดือนเม.ย.จะนำไปสู่วิกฤตหลายประการคือ 1. การเปลี่ยนให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำฮาร์ดคอร์มาเป็นประธาน นปช. 2. การประกาศชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 5 เมษายน 20 จุดรอบ กทม. เป็นการส่งสัญญาณว่าอาจมีการเคลื่อนมวลชนเข้ากทม.เพื่อเผชิญหน้ากับ กปปส.
นายองอาจ กล่าวอีกว่า 3. การประกาศสะสมอาวุธเพื่อต่อสู้กับทหารและจัดการร้านค้าและรถที่ติดธงชาติ 4. กรณีพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็นประธานการเตรียมกองกำลังในหลายพื้นที่ 5.มีการยิงเอ็ม 79 ใส่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)หลายครั้ง 6. เจ้าหน้าที่ค้นพบคลังแสงขนาดย่อมบริเวณรอบที่ชุมนุมของกลุ่ม กวป.ที่ชุมนุมอยู่หน้าป.ป.ช. 7. เกิดเหตุคาร์บอมใกล้ที่ชุมนุมแจ้งวัฒนะ 8.ในระหว่างการเดินรณรงค์ของกลุ่ม กปปส.เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมาก็มีการยิงระเบิดเข้าใส่ เป็นสัญญาณว่ามีปฏิบัติการที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้นทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาล ว่าจะหาทางป้องกันหรือปล่อยให้เดือนเมษายนเป็น "เมษาเดือด" หรือไม่