อภิสิทธิ์ ย้อน ทักษิณ รอดซุกหุ้นแบบ 2 มาตรฐานต้นเหตุวิกฤต
วันนี้ (4 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ช่อง บลูสกายแชนแนล กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีโดยใช้มาตรฐานเดียวกันเหมือนที่ผ่านมาว่า ศาลตัดสินต้องมีมาตรฐานเดียวอยู่แล้ว ส่วนคำว่า 2 มาตรฐาน ต้องเป็นกรณีเรื่องเดียวกันแต่ตัดสินแตกต่างกัน โดยคำนี้ที่พูดแพร่หลายมากที่สุดครั้งแรก คือ คดีซุกหุ้น เมื่อปี 2544 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญขณะนั้น ตัดสินวันเดียวกันไม่เหมือนกัน
"คดีคุณ ประยุทธ มหากิจศิริ (อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย) คู่สมรสแสดงทรัพย์สินไม่ถูกต้อง ศาลระบุว่า สามีภรรยากัน ไม่รู้ไม่ได้ แต่ตอนบ่ายองค์คณะเดียวกลับตัดสิน กรณีคุณทักษิณ ชินวัตร กับคุณพจมาน ว่าการไม่เปิดเผยเรื่องหุ้นเป็นเรื่องของภรรยาที่คุณทักษิณไม่รู้ด้วย ถือว่าบกพร่องโดยสุจริต แบบนี้ถึงเรียกว่า 2 มาตรฐานเพราะเรื่องเดียวกันแบบเดียวกันกลับอธิบายแตกต่างกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องแตกต่างกัน เช่น ทำไมยุบพรรคไทยรักไทย ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก็เมื่อ 2 พรรคไม่ได้ทำเหมือนกัน จะบอกว่า 2 มาตรฐานได้อย่างไร"
สำหรับ การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นเสียงข้างมาก และให้ไปถามประชาชนว่าคิดอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากเถียงกันเรื่องตัวเลขก็ไม่จบ และเวลาตัดสินความถูกผิดไม่ได้เอาจำนวนประชาชนมาวัดกัน ถ้าดูคดีซุกหุ้นในอดีต เป็นปัญหา เพราะ 2 มาตรฐานและตัดสินโดยอ้างประชาชน ดังนั้น การตัดสินโดยยึดหลักกฎหมายไม่ใช่การอ้างเรื่องอื่นจึงจะเป็นทางออก
"ต้นเหตุวิกฤต 13 ปี ที่แล้ว จากคดีซุกหุ้น หักดิบกฎหมาย เอาประชาชนมาตัดสินข้อกฎหมาย สร้าง 2 มาตรฐานไว้ คือ ที่มาของวิกฤต ถ้า 13 ปีผ่านไป ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่เรียนรู้จากตรงนี้ จะวิกฤตอีกยาว แต่ถ้าการตัดสินเที่ยงตรงตามหลักกฎหมายและไม่มี 2 มาตรฐานอย่างแท้จริง อย่างนี้ก็จะนำไปสู๋การพ้นจากวิกฤตได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว