กรมชลรายงานน้ำในเขื่อนหลักเหลือใช้ได้แค่21%
กรมชลประทาน เผย เขื่อนภูมิพล และสิริกิติ์ มีนำเหลือใช้ 21% ขอความร่วมมือประหยัดน้ำในช่วงหนาแล้งนี้ต่อ
กรมชลประทาน เปิดเผยว่า เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำใช้ 21 เปอร์เซ็นต์ โดยเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ถือเป็นหัวใจหลัก และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนขนาดใหญ่ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณ 5,652 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 42 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง มีปริมาณใช้การได้ 1,582 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,364 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 46 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,514 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมปริมาณน้ำที่ใช้การได้จำนวน 3,893 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือว่า 21 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่างรวมกัน โดยปริมาณน้ำของเขื่อนทั้ง 2 แห่ง ลดลงต่ำอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ คือ คงเหลือปริมาณน้ำที่สามารถน้ำมาใช้ได้เพียง 21 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่างรวมกันเท่านั้น ในขณะที่ต้องนำส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศอย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งที่ระยะเวลาของฤดูแล้งเกือบ 1 เดือน และยังต้องสำรองใช้ในช่วงฤดูฝนหน้าที่จะมาถึงด้วย
กรมชลประทาน จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะลุ่มภาคกลางใช้น้ำอย่างประหยัด และให้เกิดประโยนช์สูงสุด ขอให้งดทำนาปรังต่อเนื่อง เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในกรณีที่ฤดูฝนของปีนี้มีแนวโน้มว่า อาจมาล่าช้ากว่าปกติ รวมทั้งภาวะผลทิ้งช่วงที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม ของทุกปี