ปาบึ้มมหาดไทยเจ็บ 2 คนร้ายวกกลับมาดูผลงาน

ปาบึ้มมหาดไทยเจ็บ 2 คนร้ายวกกลับมาดูผลงาน

ปาบึ้มมหาดไทยเจ็บ 2 คนร้ายวกกลับมาดูผลงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาพจากทวิตเตอร์ @songpon05

วานนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 17.45 น. ร.ต.ท.เลิศชาย ผือลองชัย พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ รับแจ้งเหตุระเบิดบริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย แยกสะพานช้างโรงสี ถนนอัษฎางค์ แขวงแขวงราชบพิธ เขตพระนคร ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของกลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในที่ชุมนุมหน้ากระทรวงมหาดไทย ฝั่งประตูสิงห์ เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิด 1 หลุม สะเก็ดระเบิดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และกองเลือด ถัดไปเล็กน้อยบริเวณหน้าบังเกอร์ และรั้วลวดหนาม พบกระเดื่องระเบิดตกอยู่ 1 อัน ส่วนฝั่งตรงข้ามกระทรวงฝั่งถนนบำรุงเมืองพบสลักระเบิดตกอยู่ 1 อัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่ามีด้วยกัน 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกลางไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือนายณรงค์ชัย ก้อนจันทึก อายุ 35 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนซ้ายมีบาดแผลฉีกขาด และนายปรมัตส์ บุญจันทร์ อายุ 50 ปี มีอาการบาดเจ็บหูข้างซ้ายอื้อ และมึนงงจากแรงอัดของระเบิด ทั้งคู่เป็นการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ

จากการสอบสวนการ์ดรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นคนร้ายเป็นชาย 2 คนขับขี่รถจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยคนขับสวมเสื้อสีส้ม คนซ้อนท้ายใส่เสื้อสีแดง จากถนนอัษฎางค์เลียบคลองหลอด เมื่อมาถึงบริเวณแยกสะพานช้างโรงสี ก็เลี้ยวซ้ายไปจอดรถจยย. จากนั้นคนร้ายที่สวมเสื้อสีแดงก็ลงจากรถมาดึงสลักระเบิดออก แล้วกลิ้งลูกระเบิดเข้าใส่บังเกอร์ที่ชุมนุมจนเกิดระเบิดขึ้นทำการ์ดอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายทั้งสองคนก็เร่งเครื่องรถจยย.หลบหนีไปทางแยกสี่กั๊กพระยาศรี

นอกจากนี้ ช่วงหลังเวลา 18.00 น. ตนก็เห็นคนร้ายทั้งสองคน ขับขี่รถจยย.มาวนเวียนดูผลงานบริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม ตนกับกลุ่มการ์ดจึงพยายามวิ่งไล่ตาม แต่คนร้ายทั้ง 2 ก็เร่งเครื่องหลบหนีไปทางถนนราชินี มุ่งหน้าแยกสะพานมอญทันที

เบื้องต้นพบว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้นั้นเป็นระเบิดสังหารชนิดเอ็มเคทู ซึ่งหลังจากนี้จะสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณถนนโดยรอบที่เกิดเหตุทั้งหมดว่า สามารถจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้หรือไม่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook