สดร. ชวนดูดาวอังคารโคจรใกล้โลก 14 -15 เม.ย. นี้
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เชิญชวนชมดาวอังคารโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 7 ปี ระหว่างวันที่ 14 - 15 เม.ย. นี้ ขณะที่ อ.เก่งกาจ จงใจพระ นักโหรศาสตร์คนดัง ระบุประทศไทยอาจเกิดเหตุร้ายรุนแรงควบคุมไม่ได้ มีเรื่องวุ่นวาย แต่ก็ยังอยู่รอด
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดารา ศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในคืนวันที่ 14 เม.ย. จนถึงเช้าวันที่ 15 เม.ย. นี้ จะสามารถมองเห็นดาวอังคารสุกสว่างส่องประกายสีส้มแดงบนท้องฟ้ามีความสว่างมากกว่าปกติ เนื่องจากดาวอังคารและโลกเข้าใกล้กันมากที่สุดในรอบ 7 ปี ที่ระยะห่าง 92.39 ล้านกิโลเมตร ประชาชนที่สนใจสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กจะเห็นขั้วน้ำแข็งและลักษณะพื้นผิวดาวอังคารได้
นอกจากนี้ ดร.ศรัณย์ กล่าวต่อว่า การที่มองเห็นดาวอังคารส่องประกายสีส้มแดงบนท้องฟ้า เนื่องจากพื้นผิวของดาวอังคารมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นเหล็กออกไซด์ จึงมักเรียกฉายาของดาวอังคารว่า "ดาวเคราะห์สีแดง" ซึ่งจะโคจรใกล้โลกทุก 2 ปี และมีคาบการโคจรเข้ามาอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ซึ่งทั้งดาวอังคาร โลก และดวงอาทิตย์จะเรียงอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน มีโลกอยู่ตรงกลาง ทั้งนี้ดาวอังคารจะโผล่พ้นจากขอบฟ้าคืนวันที่ 14 เม.ย. ตั้งแต่เวลา 18.02 น. ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในกลุ่มดาวหญิงสาว โดยอยู่ด้านซ้ายของดวงจันทร์ หากสังเกตช่วงเช้ามืดวันที่ 15 เม.ย. จะมองเห็นดาวอังคารปรากฏอยู่สูงจากขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ครั้งล่าสุดที่โคจรใกล้โลกคือวันที่ 5 มี.ค. 55 และจะใกล้โลกที่สุดครั้งต่อไปวันที่ 31 พ.ค. 59 ทั้งนี้สมาคมดาราศาสตร์ไทยจะตั้งกล้องดูดาวส่องดูขั้วน้ำแข็งดาวอังคารใกล้โลกในวันดังกล่าวด้วยเวลา 18.00- 21.00 น. หน้าอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (บริเวณท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) ผู้สนใจร่วมกิจกรรมฟรี
ด้าน อ.เก่งกาจ จงใจพระ นักโหรศาสตร์คนดัง กล่าวว่า ช่วงนี้ดาวอังคารอยู่ในราศีกันย์ทำมุมเล็งกับดาวมฤตยูที่อยู่ในราศีมีน ทำให้ดาวอังคารเดินพักรเดินถอยหลังเดินเป๋ ทำให้เกิดเหตุร้ายรุนแรงควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้ทางโหรศาสตร์และดาวอังคารนั้นเป็นดาวที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท การฆ่าจู่โจมทำลายล้างกันด้วยอาวุธ ดาวแห่งความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นให้ระวัง ทั่วโลกจะเกิดการขัดแย้ง ทะเลาะวิวาทใช้กำลัง อาวุธเข้าทำลายล้างกัน ส่วนในประเทศไทยยังดีที่มีดาวพลูโตที่อยู่ในราศีธนูเป็นมหาอุจจ์ ทำให้ดวงเมืองยังแข็ง หลังสงกรานต์อาจจะมีเรื่องวุ่นวาย แต่ประเทศไทยก็ยังอยู่รอด และให้ระวังเรื่องของการเสียชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดจากอุบัติเหตุร้ายแรง การทำร้ายฆ่ากัน และภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากลม