มือมืดยิงM79ใส่บ้านปลัดสธ.ย่านแจ้งวัฒนะ14

เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดM79 เข้าใส่บ้านนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในซอยแจ้งวัฒนะ14 ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะเจ้าตัวเผยไม่กังวลโดนยิงเอ็ม79ขอสังคมพิจารณาเอง

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเข้าใส่บ้านพักของนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ภายในซอยแจ้งวัฒนะ 14

ภายหลังเกิดเหตุตำรวจหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ได้เดินทางเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า เป็นการก่อเหตุโดยใช้เครื่องยิงเอ็ม79 ยิงลูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตร เข้ามาตกบริเวณกำแพงบ้าน ทำให้เสียหายเป็นรูแตกทะลุ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาน 10 เซนติเมตร และมีเศษปูนแตกกระจายตามพื้น รวมถึงมีรถยนต์ได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 คัน

ขณะที่คาดว่าคนร้ายยิงลูกระเบิดมาจากทางทิศเหนือ ห่างจากบ้านพัก 200-250 เมตร มีเป้าหมายที่ตัวบ้าน แต่พลาดจึงถูกกำแพง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาเบาะแสคนร้ายต่อไป

 

คืบมือปืนยิงM79ใส่บ้านปลัดสธ.ลงพื้นที่ตรวจอีกครั้ง

พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาไพร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้ากรณีเหตุมีคนร้ายยิงระเบิด M79 เข้าใส่บ้าน นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในซอยแจ้งวัฒนะ 14 ว่า ล่าสุด ในเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกินเหตุอีกครั้ง เพื่อเข้าไปตรวจสอบแนววิถีกระสุนว่ามาจากบริเวณใด และตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้สถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาเบาะแสคนร้ายต่อไป

พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูน์วัตถุระเบิด บช.น. จะลงพื้นที่ตรวจวิถีการยิง M79 ใส่บ้านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในซอยแจ้งวัฒนะ 14 เช้านี้อีกครั้ง ในเวลา 10.00 น. คาดว่า คนร้ายต้องการข่มขู่ ไม่หวังเอาชีวิต

 

ปลัด สธ. ไม่กังวลโดนยิงเอ็ม79ขอสังคมพิจารณาเอง

น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า หลังจากที่เกิดเหตุคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านในซอยแจ้งวัฒนะ 14 ทำให้กำแพงรั้วบ้านทะลุเป็นรูกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตร รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ที่จอดอยู่ เสียหายเล็กน้อย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บนั้น ตนเองจะยังทำหน้าที่ตามปกติ

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้สบายดี ไม่กังวลกับเหตุที่เกิดขึ้น และตนเป็นข้าราชการ ยังคงปฏิบัติราชการตามปกติ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอให้สังคมพิจารณาเอาเองว่าเกิดจากเรื่องอะไร โดยไม่ขอพูดถึงเรื่องทางการเมือง โดยวันนี้ จะปฏิบัติหน้าที่ เฝ้าฯรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ออกหน่วยแพทย์เฉพาะทางเคลื่อนที่ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และยังไม่ชัดเจนว่า จะเข้าพบกับตำรวจเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนคนในบ้านก็ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ

 

อีโอดีตร.บก.น.2ตรวจสอบบ้านปลัดสธ.อีกรอบ

ตร.บก.น.2 สน.ทุ่งสองห้อง และเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 12/100 ภายในซอยแจ้งวัฒนะ 14 ซึ่งติดกับบ้านพักของ น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หลังจากเมื่อคืนนี้มีผู้ก่อเหตุใช้เครื่องยิงระเบิด เอ็ม 79 มาถูกบริเวณกำแพงบ้าน

โดย พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุคาดว่าผู้ก่อเหตุยิงระเบิดมาจากถนนในซอย ซึ่งห่างจากตัวบ้านประมาณ 150 เมตร ทำให้กำแพงและรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในบ้านได้รับความเสียหายเล็กน้อย จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ หลังมีพยานให้การว่าได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของคืนวานนี้

 

ผบ.ตร.ห่วงยิงM79ใส่บ้านปลัดสธ.-เร่งล่าคนร้าย

พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 00.20 น. เกิดเหตุคนร้ายยิงลูกระเบิด M79 ตกบริเวณบ้านของ นางอมร สหเมธาพัฒน์ อายุ 46 ปี พี่สาว น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย่านถนนแจ้งวัฒนะ 14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของตำรวจ และเจ้าหน้าที่ชุด EOD เบื้องต้น ยังไม่ทราบว่ายิงมาจากทิศทางใด โดยแรงระเบิดทำให้กำแพงรั้วบ้าน และรถยนต์ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ไม่พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ห่วงใยในสถานการณ์ สั่งการกำชับในที่ประชุม ศปก.ตร. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบเร่งรัดสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะทำงาน เพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป