เปิดใจ!! "เน วัดดาว" นักเลงกลับใจ สู่ชีวิตคนบันเทิง

จากอดีตนักเลงกลับใจ กลายมาเป็นคนดังบนโลกไซเบอร์ที่มีคนติดตามชีวิตมากกว่า 400,000 คน ล่าสุด "เน วัดดาว" หรือ "นายมครินทร์ พุ่มสะอาด" ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงชีวิตใหม่กับทีมข่าว Sanook! News ในงานแถลงข่าวภาพยนตร์ "The End ผู้หญิงเลือกได้" ว่าตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก เพราะตั้งแต่ประกาศตัวว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฏหมายก็มีงานในวงการบันเทิงติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย "เน วัดดาว" ยังบอกอีกว่าถึงแม้ชีวิตของตัวเองจะเป็นที่สนใจ แต่ก็อยากให้เยาวชนเลือกรับเฉพาะในส่วนที่ดีเท่านั้น เนื่องจากเจ้าตัวรู้สึกว่าไม่ใช่คนที่หลายคนควรจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง...

อัพเดทชีวิตให้ฟังหน่อยเห็นว่าล่าสุดจะได้มีโอกาสร่วมแสดงภาพยนตร์แล้ว ?
"ใช่ครับ คือเรื่องที่จะเล่นบทของผมมันเป็นในลักษณะของนักจัดรายการวิทยุพวกรายการผีอะไรประมาณนั้น แล้วก็เป็นคนดำเนินเรื่องในหนังด้วยครับ"

ตัดสินใจนานไหมกว่าจะตกลงรับบทนี้ ?
"คือเพื่อนผมเขาเป็นคนแนะนำมาครับ ว่ามีผู้กำกับท่านหนึ่งเขาจะสร้างหนังแนวนี้ ซึ่งจะไม่ใช้ดาราเล่นเลย จะใช้แค่คนที่มียอดฟอลโล่วในอินเตอร์เน็ตเยอะเท่านั้น แล้วสุดท้ายผมก็มีโอกาสไปแคสแล้วก็ได้เล่นครับ"

นอกจากงานภาพยนตร์แล้ว เห็นว่าเราได้รับงานพรีเซนเตอร์สินค้าด้วย ?
"พอมีบ้างเหมือนกันครับ คืออย่างคนหน้าตาดีเขาก็อาจจะได้งานโฆษณาพวกครีม แต่สินค้าบางอย่างเขาก็อาจจะอยากได้คนมาดกวน ๆ อย่างผมมาช่วยโฆษณา ซึ่งเวลาที่ผมลง หน้าผมก็เลอะก็เยินของผมปกติ ตามภาพลักษณ์ของผม (หัวเราะ)"

แสดงว่าตอนนี้เราเองก็งานเยอะอยู่เหมือนกัน ?
"ก็ถือว่ามีครับ พออยู่ได้ ถามว่างานที่เข้ามาตรงนี้เป็นรายได้หลักไหม ก็อาจจะใช่ครับ แต่จริง ๆ แล้วตัวผมเองก็มีงานประจำคือพนักงานบริษัทอยู่ด้วยเหมือนกัน"

เรียกว่าตัวเราเองก็ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ?
"เยอะครับ ซึ่งผมก็ต้องรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด"

รู้สึกยังไงบ้างกับโอกาสที่เข้ามาหาเรามากมายขนาดนี้ ?
"แน่นอนเลยคือดีใจครับ ดีใจมาก ๆ (ยิ้ม) เดินไปไหนก็มีคนเข้ามาทักทายตลอด ชีวิตพลิกมากครับ เรียกว่าจากหน้ามือกลายเป็นหลังเท้าไปเลย"

อย่างนี่ถ้าจะใช้คำว่าเข้าวงการเต็มตัวได้ไหม ?
"ไม่หรอกพี่ ยังไม่ขนาดนั้น (ยิ้ม)"

เราเคยคิดไหมว่าเพราะอะไรคนถึงให้ความสนใจในตัวเรา ?
"สำหรับเรื่องนี้ผมยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลยครับ บางครั้งผมยังถามตัวเองเลยนะว่ามายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้จริง ๆ"

ณ ตอนนี้ เรารู้สึกยังไงบ้างที่คนมองเราเป็นเน็ตไอดอล เป็นไอดอลของพวกเขา ?
"ผมไม่ค่อยอยากใช้คำนั้นครับ เพราะผมไม่สมควรเป็นไอดอลของใคร คืออย่างบางทีพ่อแม่ของน้องที่เขาสนิทกับผม เขายังมาบอกอยู่เลยว่าเป็นเพราะผมลูกเขาถึงไปสัก"

"แต่ถามว่าดีใจไหม แน่นอนมันต้องดีใจอยู่แล้วเป็นธรรมดาที่มีคนรักเรา แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วอย่างที่ผมบอก ผมไม่ต้องการให้ใครมามองว่าผมเป็นไอดอล เพราะชีวิตผมเองก็มีมุมที่ไม่ดีเหมือนกัน อย่างเช่นเรื่องการใช้อารมณ์ การใช้ภาษาไม่สุภาพหยาบคาย ดังนั้นถ้าคิดจะมองผมเป็นตัวอย่างก็ขอให้แยกแยะให้ออก อย่าเอาอย่างในสิ่งที่มันไม่ดีก็พอครับ"

สุดท้ายเรามีอะไรอยากจะฝากถึงน้อง ๆ ที่เขากำลังใช้ชีวิตหลงผิดบ้างไหม ?
"แน่นอนเลยครับ ณ วันนี้สิ่งที่น้องทำ น้องอาจจะคิดว่ามันสนุก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่น้องได้รับกรรม น้องจะรู้เลยว่าสิ่งที่เราทำตอนนี้มันไม่สนุกเลย วันนี้เราอาจจะตีเขา ต่อยเขา แต่วันไหนที่เราติดคุก ต่อให้เรารู้สึกสำนึกผิดแค่ไหนมันก็แก้ไม่ทันแล้ว"