แม่ พ.อ.ที่ถูกการ์ดยิงทำร้าย คืนเงินพุทธะอิสระขอให้นำตัวมาลงโทษ ถามหากรรมการสิทธิฯอยู่ไหน !
วันนี้ (4 พ.ค.57) เมื่อเวลา 10.00น. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นางบังอรรัตน์ วัฒนกุล อายุ76ปี มารดาของ พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล เข้าแจ้งความและลงบันทึกประจำวัน ที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง กรณี พ.อ.วิทวัส ถูกการ์ด กปปส. แจ้งวัฒนะ ยิงที่ขาและรุมทำร้ายจนสาหัส เมื่อกลางดึกวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมาขณะขับรถกลับบ้านและลงจากรถเพื่อไปยกกรวยที่วางขวางออก พร้อมกันให้สัมภาษณ์เปิดใจเป็นครั้งแรก โดยมีการชี้แจงและเรียกร้องรวมทั้งสิ้น 7 ข้อ โดยมีใจความขอให้ตำรวจนำเงินจำนวน 50,000 บาท ซึ่งเป็นค่าทำขวัญ ที่ได้รับมา นำไปคืน พุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. / และชี้แจงว่าตนไม่เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเลย แต่ที่ออกมาวันนี้ในฐานะแม่เพื่อปกป้องลูก เพราะมั่นใจว่า พ.อ.วิทวัส ไม่เคยกินเหล้าเมาและทำพฤติกรรมไม่ดีตามที่เป็นข่าว
โดยนางบังอรรัตน์ สอบถามลูกชายหลังเกิดเหตุ จนทราบว่า พ.อ.วิทวัส เข้าไปพื้นที่ดังกล่าวเพราะเป็นทางผ่านเพื่อกลับบ้านเพราะปกติใช้เส้นทางดังกล่าวทุกวัน แต่ไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวผู้ชุมนุมได้ตั้งบังเกอร์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่ามีกรวยยางกั้นพื้นที่ จึงลงจากรถเพื่อเลื่อนออก แต่กลับได้ยินเสียงคล้ายปืนหรือประทัด จากนั้นจึงรู้ว่าตัวถูกยิงที่ขาขวา จึงตะโกนขอความช่วยเหลือและพาร่างไปหลบหลังต้นไม้ แต่การ์ด กปปส. กลับวิ่งมาจับตัวไปรุมทำร้าย จนทำให้เส้นโลหิตแตก อาการสาหัส ต่อมาการ์ด กปปส. ได้รื้อค้นรถยนต์ของ พ.อ.วิทวัส และไปเห็นบัตรทหารจึงตะโกนบอกเพื่อนให้หยุดทำร้ายและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ นางบังอรรัตน์ ได้ขอบคุณที่ไม่ทำร้ายบุตรชายจนถึงแก่ชีวิตและนำศพไปถ่วงน้ำ พร้อมร้องขอความเป็นธรรม พุทธะอิสระ ให้ส่งตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน หากปกป้องคนผิดบ้านเมืองจะไปต่อไม่ได้ รวมถึง ภาพกล้องวงจรปิด บริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งหายไปหลังเกิดเหตุ และในฐานะที่นางบังอรรัตน์ ได้อ่านหนังสือธรรมะทำบุญสวดมนต์ เป็นศิษย์หลายวัด อยากจะขอบิณฑบาท พุทธะอิสระ ให้ย้ายเวทีชุมนุมไปที่อื่น เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อยู่อาศัยบริเวณถนนแจ้งวัฒนะและข้าราชการที่ต้องทำงานประชาชนที่ต้องติดต่อราชการไม่มีความปลอดภัยในชีวิต
พร้อมกันนี้นางบังอรรัตน์ ถามถึงบทบาทหน้าที่ของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ว่าทำไมไม่ออกมาดำเนินการใดๆ ทั้งๆที่ในพื้นที่แจ้งวัฒนะ มีผู้ประสบเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้หลายคนแล้ว พร้อมถามกลับว่าหากเป็นบุตรหลานของคนในคณะกรรมการสิทธิจะอยู่เฉยได้หรือไม่
ทั้งนี้นางบังองรัตน์ได้ทิ้งท้ายว่ายุคนี้เป็นยุคที่สัตว์ป่ากลับมาเกิด ขอให้ทุกคนห่างไกลพื้นที่ดังกล่าวอาจเสียชีวิตได้โดยไม่มีความผิด และเชื่อว่าธรรมะจะคุ้มครองคนดี