ร้องรพ.ผ่าท่อฉี่ สมบัติดอตคอม

ร้องรพ.ผ่าท่อฉี่ สมบัติดอตคอม

ร้องรพ.ผ่าท่อฉี่ สมบัติดอตคอม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ญาติแจ้งความดำเนินคดีร.พ.บาง ละมุง ระบุรักษาผิดพลาดเจ้าของ เว็บไซต์สมบัติดอตคอม เปลี่ยนท่อปัสสาวะแต่ดันมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดจนต้องส่งต่อไปรักษาที่ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ซึ่งผลการรักษาเบื้องต้นยังไม่ดีขึ้น สภาพยังเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ ส่วนผอ.โรงพยาบาลที่ถูกร้องยืนยันรักษาเต็มที่ ชี้สาเหตุที่เลือดไหลอาจมาจากระบบทางเดินปัสสาวะ พ้อญาติคนไข้ไม่น่าทำให้เป็นคดีเพราะรักษาตามขั้นตอนและจัดการให้ได้รักษาฟรีอยู่แล้ว ส่วนคดีรักษาฝีที่ปากแต่โดนขริบจู๋แทนนั้นแพทยสภาป้องหมอ ชี้ไม่ผิด แค่สื่อสารกันผิดพลาดเท่านั้น อีกทั้งการขริบก็เป็นประโยชน์ภายภาคหน้าแก่ผู้ป่วยเอง เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 ม.ค. น.ส.สำราญ เอี่ยมกลั่น อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/1 ม.1 ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.ณัฐพล อะกะเรื่อน ร้อยเวรสอบ สวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าน้องชายของตนคือ นายสมบัติ เอี่ยมกลั่น อายุ 28 ปี พิการท่อนล่างต้องเปลี่ยนท่อปัสสาวะทุก 15 วัน และเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา โรงพยาบาลบางละมุงเปลี่ยนท่อปัสสาวะผิดพลาด ทำให้น้องชายกลายเป็นเจ้าชายนิทรา น.ส.สำราญ กล่าวว่า น้องชายตนทำงานที่ศูนย์อาชีวะมหาไถ่ ได้เงินเดือน เดือนละ 6,000 บาท นอกจากนั้น ยังเป็นครูสอนพิเศษด้านคอมพิวเตอร์ในวันอาทิตย์ ได้ค่าจ้างวันละ 1,000 บาท และยังทำเว็บไซต์ขายของชื่อ สมบัติดอตคอม" เพื่อขายโปร แกรมที่เขียนขึ้นมา อีกทั้งเคยออกรายการเจาะใจ ทางสถานีโทรทัศน์ ททบ.5 สำหรับน้องชายนั้นพิการท่อนล่างต้องเปลี่ยนท่อปัสสาวะทุก 15 วัน มาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว น.ส.สำราญ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. น้องชายไปเปลี่ยนสายท่อปัสสาวะที่โรงพยาบาลบางละมุง แต่เกิดอาการผิดปกติ แทนที่จะเป็นน้ำปัสสาวะไหลออกมา แต่เป็นเลือดไหลออกมาตลอด ตนเห็นผิดสังเกตจึงบอกหมอโรงพยาบาลบางละมุง หมอบอกว่ารอดูอาการกระทั่งเย็น ทางโรงพยาบาลบางละมุงส่งต่อโรงพยาบาลชลบุรี แต่ทางโรงพยาบาลชลบุรีบอกว่าต้องส่งรักษาที่มีหมอรักษาเฉพาะทาง จึงส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา อ.ศรี ราชา แต่เมื่อส่งถึงโรงพยาบาลดังกล่าว โรงพยาบาลบอกว่าไม่มีหมอรักษาทางนี้ จึงประสานงานพร้อมส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แทน แต่เมื่อน้องชายถึงโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เกิดอาการช็อกหมดสติกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ทางโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้ปั๊มหัวใจจึงกลับมาหายใจเหมือนเดิม แต่ทางหมอโรงพยาบาลจุฬาฯ บอกกับตนว่าถ้าน้องหายจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ตนอยากขอความเป็นธรรม จึงเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อนำบันทึกประจำวันนี้ไปร้องต่อแพทยสภา และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายกับโรงพยาบาลต่อไป ด้าน น.พ.ประสิทธิ์ จิตติวัฒนพงศ์ ผอ.ร.พ. บาง ละมุง กล่าวว่าที่แพทย์ได้รักษาคนไข้รายนี้และเกิดมีอาการเลือดไหลออกมาจากท่อปัสสาวะนั้น สาเหตุน่าจะมาจากการกระทบกระเทือนกับท่อปัสสาวะภายใน ส่งผลให้มีเลือดไหลออกมาแทน หลังจากที่ได้ตรวจพบแล้ว ได้ดำเนินการส่งคนไข้เข้าไปรักษาต่อที่ร.พ. ชลบุรี และร.พ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ล่าสุดไปนอนพักรักษาตัวที่ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ กทม. เพื่อดำเนินการรักษาให้หายเป็นปกติ ซึ่งร.พ.บางละ มุงได้ให้การช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่ ทั้งทางด้านค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลอีกด้วย "ขณะนี้ได้เรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของร.พ. ซึ่งให้เป็นไปตาม มาตรา 41 พ.ร.บ.ประกันสุขภาพ เพื่อให้การรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่แปลกใจเช่นกันว่าเพราะเหตุใดญาติคนไข้ ต้องแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะอย่างไรก็ตามคณะแพทย์ร.พ.บางละมุง มีความเต็มใจให้การบริการอย่างเต็มที่อยู่แล้ว" น.พ.ประสิทธิ์ระบุ สำหรับกรณีที่ นางรัตนาพร มนัสชื้น อายุ 45 ปี มารดา ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ได้เดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เนื่องจากการพาด.ช.เอไปเข้ารับการรักษาอาการฝีในปากที่คิลนิกเอกชนที่เข้าร่วมในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทองแห่งหนึ่งใน อ.พระ ประแดง จ.สมุทรปราการ แต่การรักษากลับกลายเป็นการขริบอวัยวะเพศเด็ก และสธ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากกองการประกอบโรคศิลปะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นั้น นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสถานพยาบาลดังกล่าว พบว่า สถานประกอบการมีใบอนุญาต มาตรฐานถูกต้องตามที่กำหนด แต่ผู้ผ่าเป็นพยาบาล ซึ่งจะต้องตรวจสอบตามขั้นตอนว่าผิดหรือไม่อย่างไร ซึ่งมาตรการการลงโทษ คงต้องดูถึงสาเหตุและรายละเอียดของเหตุ การณ์ด้วยว่า เกิดขึ้นเพราะอะไร เนื่องจาก คลินิกชุมชนอบอุ่นนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความแออันของสถานพยาบาล และให้ความสะดวกแก่ประชาชนในชุมชน กรณีดังกล่าว ถือเป็นอุทาหรณ์ ที่ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป ในเรื่องมาตรฐานการรักษาพยาบาล รวมทั้งอาจจะต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์เรื่องเวลาในการทำงานของแพทย์ เพื่อไม่ให้แพทย์ต้องทำงานหนักเกินไปจนเกิดความผิดพลาดขึ้น น.พ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า กรณีนี้ผู้ที่ทำการผ่าตัดเป็นพยาบาลวิชาชีพ ซึ่งเป็นพยาบาลผู้ชาย ไม่ได้เป็นแพทย์ตามที่เข้าใจแต่แรก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ดังนั้น ปลัด สธ.จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีน.พ. ปัญญา กีรติหัตถยากร ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นประธาน และมีคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 15 คน อาทิ สบส. แพทยสภา สภาการพยาบาล สำนักงานอัยการสูงสุด สภาทนายความ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน เป็นต้น ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่าในทางวิชาชีพพยาบาลสามารถทำการผ่าตัดแทนแพทย์ได้หรือไม่ และหากทำได้จะทำได้ในกรณีใดบ้าง เป็นต้น ซึ่งจะคณะอนุกรรมการฯ จะประชุมหาข้อสรุปในวันที่ 27 ม.ค.นี้ น.พ.สมศักดิ์ โล่เลขา รักษาการนายกแพทยสภา กล่าวว่า จากการได้รับรายงานข้อมูลเบื้องต้น พบว่าแพทย์ที่เป็นผู้ตรวจอาการและบันทึกลงในประวัติของผู้ป่วย ได้ตรวจและวินิจฉัยโรคถูกต้องทุกอย่าง แต่การสื่อสารผิดพลาด จึงทำให้แพทย์ที่เป็นผู้ผ่าตัดได้ผ่าตัดรักษาผิดที่ โดยแพทย์เขียนคำวิธีการรักษาเป็นภาษาอังกฤษ Excisiom มีความหมายว่า "ให้ตัดเอาออก" ซึ่งหมายถึงให้ตัดเอาฝีในปากออก แต่เจ้าหน้าที่ที่รับหน้าที่ในการดำเนินการเข้าใจผิดว่าแพทย์สั่งให้ขริบอวัยวะเพศเด็ก ซึ่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Circumcision "โดยปกติการเป็นฝีที่ปากจะไม่มีใครตัดออกจะปล่อยให้แตกเอง และเมื่อเจ้าหน้าที่เปิดดูอวัยวะเพศเด็ก ปรากฏว่ามีปัญหาหนังหุ้มปลายรูดไม่สุด เจ้าหน้าที่จึงมั่นใจว่าแพทย์สั่งให้ขริบปลายอวัยวะเพศ และเมื่อดำเนินการแล้วเด็กร้องทัก ก็เข้าใจว่าเด็กอาย พยาบาลบอกให้เด็กไม่ต้องอาย" น.พ.สมศักดิ์กล่าว น.พ.สมศักดิ์ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับในขณะนี้เห็นว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้เจตนา แต่เป็นผลจากการติดต่อสื่อสารที่ผิดพลาด จึงสามารถบอกได้ในเบื้องต้นว่าแพทย์ไม่ผิด เพราะดำเนินการถูกต้องทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม แม้แพทย์จะไม่ผิดก็จำเป็นต้องจะส่งเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการจริยธรรมแพทยสภา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและสรุปผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง "ส่วนกรณีที่ระบุว่า ผู้ที่ทำการผ่าตัดไม่ใช่แพทย์ แต่เป็นพยาบาลวิชาชีพนั้น การผ่าตัดขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่เป็นเพียงการผ่าตัดย่อย ที่แพทย์สามารถมอบหมายให้พยาบาลทำได้ โดยส่วนใหญ่การเย็บแผล ล้างแผล หรือตก แต่งแผลพยาบาลก็ทำทั้งนั้น หากให้แพทย์ทำหมดก็ไม่รู้จะมีผู้ช่วยไว้ทำไม ซึ่งในเรื่องเหล่านี้พยาบาลบางคนเก่งกว่าแพทย์ เพราะมีความชำนาญ" น.พ.สมศักดิ์กล่าว น.พ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การขริบปลายอวัยวะเพศเด็กไม่มีข้อเสียแต่กลับเป็นประโยชน์ต่อเด็ก ทำให้โอกาสในการเป็นโรคมะเร็งและกามโรคน้อยลง ซึ่งหลายประเทศให้เด็กขริบหมด แต่ประเทศไทยไม่นิยม โดยเฉพาะเด็กรายนี้จะเป็นประโยชน์มาก เนื่องจากเด็กมีปัญหาหนังหุ้มปลายถลกไม่สุด หากปล่อยไว้จะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค จนอาจนำไปสู่การก่อมะเร็ง เพียงแต่กรณีนี้ผิดเจตนารมณ์ของผู้ป่วย น.พ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการสื่อสารผิดพลาดในวงการแพทย์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งการหยิบยาผิด การฟังคำวินิจฉัยโรคผิดพลาด ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการใช้คำภาษาอังกฤษที่มีความใกล้เคียงกัน ซึ่งขณะนี้แพทยสภา สภาเภสัชกรรมและสภาการพยาบาล กำลังดำเนินการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยการรวบรวมข้อมูลความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจากแพทย์ พยาบาล เภสัชกรทั่วประเทศ ก่อนนำมาจัดทำเป็นคู่มือส่งให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขาวิชาชีพรับรู้ข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำไหนที่ห้ามพูดสื่อสารทางโทรศัพท์ และคำไหนที่ใกล้เคียงกันให้เขียนตัวใหญ่ในส่วนที่แตกต่างกัน เป็นต้น น.พ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนของคลินิกดังกล่าวพบว่า ตลอดเวลา 3 ปี ที่เข้าร่วมเป็นคลินิกลูกข่ายของ สปสช. มีเรื่องร้องเรียนผ่านมาทางสายด่วน สปสช. 1330 เพียง 5-6 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องร้องเรียนเล็กน้อยไม่เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพแพทย์ เช่น รอคิวรักษานาน ให้ยารับประทานแล้วใช้เวลานานกว่าจะหายจากอาการป่วย เป็นต้น ซึ่งผลการตรวจสอบทุกเรื่อง พบว่า คลินิกดังกล่าวไม่ได้ทำผิดการประกอบวิชาชีพแพทย์ อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีการผ่าตัดผิดที่ ทางสปสช. จะรอผลการตรวจสอบจากกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สธ. เพื่อนำมาพิจารณาการต่อสัญญาของสปสช. ภาพ : ประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของข่าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook