อ.สมบัติจวก ดีเอสไอ.โกหกศาลยัดข้อหากบฏ

อ.สมบัติจวก ดีเอสไอ.โกหกศาลยัดข้อหากบฏ

อ.สมบัติจวก ดีเอสไอ.โกหกศาลยัดข้อหากบฏ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีต อธิการบดีนิด้า สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ได้เขียนแถลงการณ์เผยแพร่ในเฟชบุ๊กสวนตัว Prof. Sombat Thamrongthanyawong, Ph.D อัด ดีเอสไอ ลุแก่อำนาจยัดเยียดข้อหา กบฏ ใช้เล่เหลี่ยมโกหกศาล เพื่อขออนุมัติหมายจับ ชี้ เป็นองค์กรอำนวยความยุติธรรมแต่กลับรับใช้นักการเมือง

 

ควันหลงจากข้อหากบฏ
18 พฤษภาคม 2557
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณน้ำใจไมตรี ความห่วงใยเอื้ออาทร และกำลังใจจากเพื่อนมิตร ลูกศิษย์ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่กรุณามอบให้ผม เมื่อทราบว่าผมถูกรัฐบาลทรราชย์จับกุมในข้อหากบฎ โดยทุกท่านได้ช่วยกันแชร์คำขอบคุณของผมถึงเวลานี้มากกว่าห้าหมื่นคน ซึ้งใจจริงๆครับสำหรับคนเป็นครูบาอาจารย์ที่ไม่มีอำนาจอะไร น้ำใจของท่านจะเป็นเหมือนน้ำทิพย์ที่เสริมพลังให้ผมยืนหยัดอุทิศตนเพื่อชาติและประชาชนตลอดไป
ข้อหากบฎที่กล่าวหาผมนั้นนับว่าร้ายแรงมาก อาทิ ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ สมคบกันเป็นอั้งยี่และซ่องโจร เป็นต้น ข้อหาจริงๆมีมากกว่านี้เยอะ โทษสูงสุดของข้อหากบฎคือ " ประหารชีวิต " ไม่ธรรมดานะครับ !
ต้องขอถามท่านที่เคยไปร่วมชุมนุมว่าเคยเห็นผมกระทำการดังกล่าวหรือเปล่า? การชุมนุมของมวลมหาประชาชนนั้นกำนันประกาศย้ำอยู่เสมอว่าต้องยึดมั่นในความสงบ สันติ อหิงสา ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง แม้กระทั่งการ์ดถ้าใครจะใช้อาวุธขอให้กลับบ้าน เพราะการชุมนุมของมวลมหาประชาชนเป็นการชุมนุมของพลเมืองดี พวกที่ใช้ความรุนแรงมีแต่พวกรัฐบาล และสมุนรัฐบาลเท่านั้นที่ใช้อาวุธสงครามทำร้ายมวลมหาประชาชนให้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนตัวผมที่ถูกกล่าวหาเท่าที่ทบทวนได้ขณะนี้ที่ทำเป็นหลักคือการปราศรัยบนเวทีเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจทางการเมืองแก่ประชาชนผู้ร่วมชุมนุม และร่วมประชุมให้ความเห็นทางวิชาการแก่กำนัน คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าเคยกระทำการตามข้อกล่าวหาเมื่อไร อยากเห็นหลักฐานที่เขากล่าวหาจริงๆ จะได้รู้ว่าผมละเมอไปทำตามที่เขากล่าวหาหรืออย่างไร แต่ทนายบอกว่าหลักฐานที่ DSI เสนอศาลตอนขอหมายจับผมครั้งแรกมีแต่ภาพการปราศรัยเท่านั้น
สรุปก็คือผมถูกยัดเยียดข้อหา คนที่มีฐานะทางสังคมระดับผมยังถูกยัดเยียดข้อหาได้ถึงเพียงนี้ แล้วประชาชนตาดำๆจะเหลืออะไร ที่ว่าระดับผมอย่างน้อยก็รับราชการจนดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์และได้รับพระราชทานสายสพายชั้น" มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก " ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของข้าราชการประจำ เคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีของนิด้าถึงสองสมัย และได้รับปริญญาเอกกิติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา
รวมทั้งได้รับการยกย่องให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่นของสถาบันการศึกษาหลายสถาบัน นับว่าในชีวิตได้กระทำความดีมาพอสมควร แต่ก็ยังไม่เว้นที่จะถูกพวกลิ่วล้อของระบอบทักษินยัดเยียดข้อกล่าวหา
ความจริงตอนที่ศาลอนุมัติให้ออกหมายจับนั้น ศาลได้ระบุไว้ชัดเจนว่าให้เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมตัวผู้ถูกจับได้เพียงเท่าที่จำเป็นในการนำตัวส่งฟ้องต่อศาลเท่านั้น พนักงานสอบสวนจะสอบสวนต่อหรือสอบสวนเพิ่มเติมไม่ได้ ปรากฎว่า DSI เจ้าเล่ห์ทำเรื่องฝากขังเพื่อจะสอบสวน เพราะยังไม่เคยสอบสวนผมเลย แต่ตอนไปขอออกหมายจับไปโกหกศาลว่าสอบสวนเสร็จแล้ว ศาลจึงยกคำร้อง ทำให้ฝากขังผมไม่ได้ อัยการจึงต้องรีบทำคำฟ้องเดี๋ยวนั้น ท่านลองคิดดูถ้า DSI ซึ่งมี่หน้าที่อำนวยความยุติธรรม แต่รับใช้การเมืองถึงกับยัดเยียดข้อหาให้กับประชาชน เราควรจะมี DSI ต่อไปอีกหรือ? และไม่ทราบว่าอัยการร่วมมือกับ DSI ได้อย่างไร?
ถ้าปราศรัยบนเวทีชุมนุมทางการเมืองแล้วถูกฟ้องข้อหากบฎมีโทษถึงประหารชีวิต มันจะไม่ยิ่งไปกว่าประเทศเผด็จการหรือครับ!
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
18 พฤษภาคม 2557

ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเฟซบุ๊ก Prof. Sombat Thamrongthanyawong, Ph.D

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook