ประยุทธ์สั่งจัดการปลุกระดม-กวาดจับอาวุธสงคราม ลั่นกฎอัยการศึกไม่ขัด รธน.

ประยุทธ์สั่งจัดการปลุกระดม-กวาดจับอาวุธสงคราม ลั่นกฎอัยการศึกไม่ขัด รธน.

ประยุทธ์สั่งจัดการปลุกระดม-กวาดจับอาวุธสงคราม ลั่นกฎอัยการศึกไม่ขัด รธน.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ศูนย์ประสานงานสื่อมวลชน กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.)ห้องประชุมกำลังเอก สนามกีฬากองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก พ.อ.วีระชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม กอ.รส.ในช่วงเช้าที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ ผอ.รส. เป็นประธาน ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) พร้อมนำอาวุธสงครามที่ได้ทำการจับกุม 5 คดีแบ่งเป็นก่อนประกาศกฎอัยการศึก1 คดีที่จังหวัดนครนายก และ หลังประกาศกฎอัยการศึก4คดี มาแสดงพร้อมการแถลงข่าว

พ.อ.วินธัย กล่าวได้ว่า ปัญหาของการตรวจจับอาวุธสงครามนั้นเป็นปัญหาหลักของความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสังคม และเป็นนโยบายเร่งด่วนของ กอ.รส. ที่จะดำเนินการเด็ดขาด จากคำสั่งของ กอ.รส.ระบุชัดเจนว่า อาวุธสงครามสามารถพกพาได้เฉพาะเจ้าพนักงานทหาร และเจ้าพนักงานตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ กรณีของเจ้าพนักงานตำรวจนั้นจะใช้ตำรวจตระเวนชานแดน (ตชด.) ที่สนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดน เป็นกำลังที่สนับสนุนกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) เพราะฉะนั้นในส่วนอื่นๆจึงไม่สามารถอนุญาตให้พกพาอาวุธสงครามได้ ขณะนี้ได้มีการจับกุมผู้พกอาอาวุธสงครามได้ทั้งหมด 4 คดี มีอยู่ 1 คดีที่ถูกจับกุมได้ก่อนประกาศกฎอัยการศึก ดำเนินการจับกุมได้ที่จังหวัดนครนายก ขณะนี้อยู่ในกระบวนการหาตัวผู้กระทำผิด

คดีที่ 2 เป็นคดีที่ผู้ต้องสงสัยถูกจับได้ที่เขตทวีพัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร อันเป็นบริเวณใกล้เคียงพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. พบอาวุธสงครามปืนเล็กยาว แบบAK 47 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน จำนวน 30 นัด คดีที่ 3 เป็นการตรวจจับได้ที่บ้าน ในจังหวัดลพบุรี โดยพบของกลางเป็นจำนวนมาก รวมถึงพบวัตถุระเบิดด้วย คดีที่ 4 ได้จับกุมได้ที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยตรวจพบเสื้อเกราะ และหมวกเคฟร่า คดีที่ 5 ได้ตรวจพบอาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดร้ายแรงจำนวนมากที่จ.สมุทรสาคร ทั้งนี้ขั้นตอนการสอบสวนจะ เน้นขั้นตอนการสอบสวนและขยายผล แสดงให้เห็นว่า ทหาร และตำรวจเอาจริงในเรื่องการปราบปราม

ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำกับ กองกำลัง กอ.รส. ทั้ง4 กองทัพภาคว่า ต้องทำให้เกิดความสงบในพื้นที่ ไม่มีการทำผิดกฎหมาย รวมทั้ง กวาดล้างอาวุธสงคราม ทำความเข้าใจกับประชาชน และขอร้องให้ทุกฝ่ายอย่าปลุกระดม งดเว้นการรวมพลัง และเคลื่อนย้ายคนไปที่ต่างๆ รวมถึงขอความร่วมมือกับประชาชนให้ระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นให้ข้อมูลข่าวสารเชิงปลุกระดม ชี้นำสังคมให้เกิดความสับสนแตกแยก ซึ่งขัดต่อแนวทางในการรักษาความสงบเรียบร้อยของ กอ.รส. รวมถึงประกาศต่างๆ ที่ออกไปก่อนหน้านี้ หากยังมีการกระทำที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เจ้าหน้าที่จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย

พ.อ.วินธัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีความคาดเคลื่อน และความเข้าใจผิดต่อการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ว่า พ.ร.บ.กฎอัยการศึกได้ถูกประกาศไปวันที่ 20 พฤษภาคม เวลา 03.00 น. ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ มีกำลังทหารในการบังคับบัญชาเกินกว่า 1 กองพัน และมีอำนาจตามขอบเขตความรับผิดชอบทั้ง 4 กองทัพภาค จึงถือว่ามีเขตอำนาจคลอบคลุมทั่วราชอาณาจักร

เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มจะเกิดภาวการณ์จลาจลและความไม่เรียบร้อยในหลายพื้นที่อันจะกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ดังนั้น ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีอำนาจในการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร และเมื่อได้ประกาศใช้แล้วทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารก็จะมีผลบังคับใช้กฎหมายนี้ทันที โดยที่ได้รายงานให้ทางรัฐบาล และผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ โดยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารจึงมีอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก โดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ

ส่วนกรณีรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 วรรคสองที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นั้น ขอชี้แจงว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เฉพาะแห่งเป็นการเร่งด่วน ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารย่อมกระทำได้ตามกฎหมายว่าด้วย พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ซึ่งแสดงให้แห็นว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ สำหรับรายละเอียดในมาตรา 2 ของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นสาระสำคัญส่วนหนึ่ง ว่า

เมื่อมีเหตุจำเป็นที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยให้ปราศจากภัยที่มาจากภายนอกหรือภายในราชอาณาจักร จะได้มีพระบรมราชโองการให้ใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกทุกมาตรา หรือแต่บางมาตรา หรือใช้ข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของมาตรา ตลอดจนเงื่อนไขของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก นั้นที่บังคับใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักร หรือตลอดทั่วราชอาณาจักร และถ้าได้ประกาศใช้เมื่อใด และ ณ ที่ใดแล้ว บรรดาข้อความ หรือพ.ร.บ.ใด กฎหมายใดที่ขัดกับ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ที่ให้บังคับต้องระงับ และใช้บทบัญญัติของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกแทน

สำหรับมาตรา 4 เมื่อมีสงคราม หรือจลาจล ณ แห่งใด ให้ผู้บังคับบัญชาทหาร ณ ที่นั้น ที่อยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่า 1 กองพัน หรือ เป็นเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อมหรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหารมีอำนาจประกาศใช้พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เฉพาะในเขตหน้าที่ของกองทหารนั้นได้ แต่ต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบ โดยเร็วที่สุด

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook