แม่ร้องสื่อ! เนอร์สเซอรี่ทำลูกพิการ ไม่เหลียวแล

แม่ร้องสื่อ! เนอร์สเซอรี่ทำลูกพิการ ไม่เหลียวแล

แม่ร้องสื่อ! เนอร์สเซอรี่ทำลูกพิการ ไม่เหลียวแล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (16 มิ.ย.) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากนางพวงพยอม เหลือหลาย อายุ 31 ปี ว่าได้นำ น้องบุญเหลือ ลูกชายซึ่งขณะนั้นอายุ 10 เดือน กลายเป็นเด็กพิการ หลังจากนำไปฝากเลี้ยงที่เนอร์สเซอรี่แห่งหนึ่ง ได้เพียงแค่ 3 วัน ปัจจุบัน น้องบุญเหลือ อายุ 3 ปี 4 เดือน แต่ยังไม่สามารถพูดได้ และมีอาการกระตุกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดัง ดวงตาไม่ตอบสนอง แพทย์ระบุแทบจะไม่มีโอกาสสามารถมองเห็นได้อีก

นองพวงพยอม เปิดเผยว่า ลูกชายเกิดมาปกติดีทุกอย่าง ไม่เคยป่วย แต่เมื่อประมาณ 3 ปี ก่อนได้นำลูกชายไปฝากเลี้ยงที่เนอร์สเซอรี่แห่งหนึ่งย่านรามคำแหง 2 หลังเลิกงานตอนเย็นก็มารับลูกกลับบ้าน แต่น้องบุญเหลือมีอาการไออย่างหนักเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่คอ และพบเศษพลาสติกฝาเยลลี่หลุดออกมาจากหลอดลม วันรุ่งขึ้นจึงไปถามครูผู้ดูแลเนอร์สเซอรี่ว่าให้เด็กกินเยลลี่หรือเปล่า ตอนแรกครูไม่ยอมรับแต่เมื่อถามอย่างหนักก็ยอมรับ ตอนนั้นไม่ได้คิดเอาความอะไร และพาลูกไปฝากเลี้ยงที่เดิม จนกระทั่ง 11 พ.ย.2554 ทางเนอร์สเซอรี่ได้โทรศัพท์มา หาสามีตนบอกว่าน้องบุญเหลือมีอาการชักเกร็ง กะโหลกศีรษะร้าว มีเลือดออกในเยื่อสมอง ปอดติดเชื้อ

นางพวงพยอม กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุทางพี่เลี้ยงได้โทรศัพท์มาขอโทษที่ดูแลน้องไม่ดี จนทำให้น้องบาดเจ็บ แต่ไม่ยอมบอกว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และบอกให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารและจะส่งเงินมาให้เดือนละ 500 บาท จนกว่าน้องจะอายุครบ 21 ปี และจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ตนจึงขอให้ทำสัญญารับรอง แต่ทางครูพี่เลี้ยงได้บ่ายเบี่ยง จากนั้นได้มีการติดต่อมานานๆ ครั้ง ให้ไปรับเงินครั้งละประมาณ 20-1,000 บาท ผ่านไปประมาณ 1 ปี พบว่าในบัญชีไม่มีเงินเข้าแม้แต่บาทเดียว จึงไปแจ้งความที่ สน.อุดมสุข จนถึงตอนนี้ผ่านไป 3 ปี ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ด้าน เจ้าหน้าที่ สน.อุดมสุข กล่าวว่า ทางครูผู้ดูแลให้การว่า ตอนรับน้องบุญเหลือมาเลี้ยงพบว่าน้องมีอาการไข้ ชักเกร็งอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งทางครูได้แจ้งไปยังพ่อของเด็กและได้รับการตอบรับมาว่าเป็นอาการปกติ ใหเพียงนวดร่างกายเท่านั้น นอกจากนี้ ทางผู้ปกครองของน้องบุญเหลือ ได้เข้าแจ้งความช้าไป 1 ปี หลังเกิดเหตุ ทำให้ไม่สามารถหาหลักฐานได้ ต้องรอผลพิสูจน์ทางแพทย์เท่านั้น

ทั้งนี้ เนอร์สเซอรี่ดังกล่าวปัจจุบันปิดไปแล้ว โดยเพื่อนบ้านเผยว่ามีคนมาทวงหนี้ทุกวันจนต้องปิดเนอร์สเซอรี่หนี และยังค้างค่าเช่าบ้านไว้หลายหมื่นด้วย โดยผู้สื่อข่าวได้ลองโทรศัพท์ไปหาครูคนดังกล่าวเพื่อสอบถาม แต่ได้รับคำตอบว่าไม่ทราบเรื่องและวางสายทันที ก่อนที่จะติดต่อไม่ได้อีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook