รมว.สธ.สั่งสอบรพ.บางละมุงเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะจนเป็นเจ้าชายนิทรา
สธ. ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รพ.บางละมุง เปลี่ยนสายสวนปัสสาวะทำให้เป็นเจ้าชายนิทรา โดยให้ติดตามและรายงานผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ป่วยและผู้ให้การรักษา เบื้องต้นทาง รพ.บางละมุง ได้มอบเงินช่วยญาติเบื้องต้น 10,000 บาท และเตรียมให้ความชดเชย ตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่มีการร้องเรียนกรณี นายสมบัติ เอี่ยมกลั่น อายุ 28 ปี พิการท่อนล่าง ต้องเปลี่ยนท่อปัสสาวะทุก 15 วัน และเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2552 ทาง รพ.บางละมุงได้เปลี่ยนท่อปัสสาวะผิดพลาด ทำให้กลายเป็น เจ้าชายนิทรา นั้น นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้ รพ.บางละมุง จังหวัดชลบุรี ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสาเหตุดังกล่าว เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยได้มอบให้ เภสัชกรมานิตย์ อรุณากูร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาและรายงานผล พร้อมกันนี้ได้สั่งกำชับให้แพทย์ พยาบาล ในโรงพยาบาลสังกัดทั่วประเทศ ให้ความสำคัญกับเรื่องการสื่อสารการแนวทางการรักษากับผู้ป่วยและญาติเพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน
นพ.มารุต จิรเศรษฐศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก รพ.บางละมุง ถึงการรับตัว นายสมบัติ เมื่อวันที่ 4 มกราคม และเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะให้ หลังจากนั้นพบมีเลือดออกจากสายสวน จึงเปลี่ยนสายสวนใหม่ ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องคล้ายปวดปัสสาวะมาก จึงเตรียมต่อรักษาที่ รพ.ชลบุรี แต่ญาติต้องการนำไปรักษาที่ รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ซึ่งเมื่อถึง รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวีฯ ได้ถอดสายสวนปัสสาวะเดิมออกแล้วใส่เส้นใหม่ ทำให้สามารถระบายปัสสาวะออกมาได้ ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น จึงแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ เนื่องจากเกรงว่าเกิดภาวะเลือดอุดตันในสายสวนปัสสาวะ และเมื่อถึง รพ.จุฬาลงกรณ์ ได้พบแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งตลอดเวลาผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ความดันโลหิตปกติ มีไข้ต่ำๆ และได้ทำการใส่สายสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ ขณะนั้นผู้ป่วยเกิดภาวะเกร็ง หายใจลำบาก เกิดภาวะช็อก ได้ทำการปั๊มช่วยหายใจ และรักษาตัวในห้องไอซียู
นพ.มารุต กล่าวว่า หลังจากเหตุทาง รพ.บางละมุงได้ มอบเงินช่วยญาติเบื้องต้น 10,000 บาท และเตรียมให้ความช่วยเหลือชดเชยด้านมนุษยธรรม ตามมาตรา 41 ของพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไม่เกิน 200,000 บาท