ย้อนบทบาท!! วีระ สมความคิด ก่อนถูกจับกุม
นายวีระ สมความคิด เกิดวันที่ 28 พฤศจิกายน 2500 จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปริญญาตรีสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาผู้นำทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ จากมหาวิทยาลัยรังสิต มีบทบาททางการเมืองในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ด้วยการเป็นประธานนักเรียน จากนั้นเข้าร่วมในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 และพฤษภาทมิฬ2535 เขาเป็นลูกศิษย์ที่เหนียวแน่นของ สมณะโพธิรักษ์ แห่งพุทธสถานสันติอโศก
อีกทั้งเป็นสมาชิกกลุ่มรวมพลังซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพรรคพลังธรรมและเขาเป็น สมาชิกพรรค เขาร่วมชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปี พ.ศ. 2549 และ ในปี พ.ศ. 2551 เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โดยเป็นแนวร่วมคนสำคัญ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552 นายวีระ นายไทกร พลสุวรรณ นายอธิวัฒน์ บุญชาติ และ นายสุนทร รักษ์รงค์ ได้นำแนวร่วมพันธมิตรฯจำนวนหนึ่งเดินทางไปเขาพระวิหาร 2 เพื่ออ่านแถลงการณ์ทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร จนเกิดการปะทะกับชาวบ้านในพื้นที่ได้รับบาดเจ็บ กลางปี 2553 หลังจากมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ นายวีระได้ถอนตัวออกจากกลุ่มพันธมิตรฯและยุติรายการทั้งหมดทาง ASTV
เขามีบทบาทอย่างมากในการทวงคืนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และ ได้เดินทางไปร่วมงานที่ชุมชน "บ้านสันปันน้ำ" ชายแดนตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยขึ้นเวทีปราศรัยที่หมู่บ้านดังกล่าวด้วย
จากนั้นนายวีระ สมความคิด พร้อมพวกถูกจับขณะเดินทางไปในพื้นที่ หมู่บ้านหนองจัน ต.โนนหมากมุ่น อ.โนนสูง จ.สระแก้ว เพื่อเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ทับซ้อน เมื่อปลายปี 2553 ซึ่งถูกจับพร้อมพวก 7 คน และนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานครของพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่าทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตไทยบริเวณอำเภอ โคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยศาลพนมเปญได้ตั้งข้อหาวีระและพวกในข้อหาเดินทางข้ามพรมแดนโดยผิดกฎหมาย และรุกล้ำเขตทหาร ส่วนนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ถูกเพิ่มข้อหาจารกรรมข้อมูลเนื่องจากครอบครองอุปกรณ์กล้องบันทึกภาพและใช้ อุปกรณ์ระหว่างถูกจับ จากนั้นศาลกัมพูชามีคำตัดสินให้จำคุกนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บุกรุกเขตทหาร และจารกรรมข้อมูล เป็นเวลา 8 ปี และ 6 ปี ตามลำดับ โดยไม่รอลงอาญา