ยิงหนุ่มดับหน้าบ้านเมียคนที่ 2 ตำรวจคาดปมชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว
เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 6 ก.ค. พ.ต.ต.นครินทร์ มุกรินทร์ละไมมาศ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่หน้าบ้านเลขที่ 33/2 ม.15 ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุเทพ ก่อสกุล ผกก.สภ.ท่าศาลา นำกำลังตำรวจชุดสอบสวน แพทย์เวร รพ.ท่าศาลา และมูลนิธิประชาร่วมใจรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุหน้าบ้านดังกล่าวพบศพ นายอนัส โชติกะ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/2 ม.15 ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้ากลางแผ่นหลัง 9 รูทะลุอก อยู่ในชุดสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงยีนขายาวสีน้ำเงิน ห่างจากศพประมาณ 10เมตร พบร่องรอยก้นบุหรี่และทับลูกปืนลูกซองตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายอนัส มีอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา มีภรรยา 2 คน ก่อนเกิดเหตุ ขับรถ จยย.ไปบ้านภรรยาคนที่ 2 หลังจอดรถ จยย.ก็เดินเข้าบ้าน แต่มีคนร้ายคาดว่าน่าจะมาเพียงคนเดียวซุ่มอยู่ในที่มืดข้างบ้าน ขณะที่ภรรยาคนที่ 2 กำลังเปิดประตู ปรากฏว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ 1 นัดจนล้มฟุบสิ้นใจตายทันที ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไป
นอกจากนี้กระสุนปืนยังแฉลบไปโดนภรรยาคนที่ 2 ของนายอนัส เข้าที่ขาขวา 1 รู บาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งถูกนำส่ง รพ.ท่าศาลา เพื่อรักษาบาดแผล และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว โดยให้การกับตำรวจว่าเหตุเกิดกะทันกันจนไม่ทันตั้งตัวและตกใจมาก และไม่เห็นคนร้ายแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุได้แจ้งให้เพื่อนบ้านมาช่วยเหลือแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.โกศล ท่าสอน รอง ผกก.สส.สภ.ท่าศาลา กล่าวว่า ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่สันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องโกรธแค้นส่วนตัวกับเพื่อบ้านคนหนึ่งมาแอบซุ่มยิง และเรื่องชู้สาว ซึ่งนายอนัสมีภรรยาถึง 2 คน โดยเพิ่งมาได้ภรรยาคนที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ม่ายเมื่อไม่กี่เดือน และจะไปๆ มาๆ แวะเวียนเข้าบ้านของภรรยาคนที่ 2 เป็นประจำ อาจทำให้หนุ่มที่หมายปองแค้นจึงตามมาซุ่มยิง
สำหรับภรรยาคนที่ 2 ของนายอนัส เป็นแม่หม้ายมีสามีมาแล้ว 2 คน สามีคนแรกถูกยิงตายเมื่อหลายปีก่อน และสามีคนที่ 2 ป่วยตาย ก่อนมาได้นายอนัสเป็นสามีคนที่ 3 ก็มาถูกยิงตายอีกราย สันนิษฐานว่าคนร้ายที่ซุ่มยิงนายอนัสน่าจะเป็นคนในหมู่บ้าน โดยจะเร่งสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานหาสาเหตุการตายที่แท้จริงเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์