ดร.โสภณ ชี้แจงกรณีโพสต์ประเด็นน้องแก้ม เพราะญาติไม่ระวัง
จากกรณีเฟซบุ๊คของ ดร.โสภณ พรโชคชัย อดีตผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม.และประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมิณค่าอสังหาริมทรัพท์ไทย ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นสวนกระแสกรณีเด็กหญิงวัย13 เหยื่อทางเพศของลูกจ้างการรถไฟ นอกจากนี้ บุ๋ม ปนัดดา ยังได้โพสต์ชี้แจงถึง ดร.โสภณ จนเกิดวิวาทะนั้น
ล่าสุด ดร.โสภณ ได้โพสต์เฟซบุ๊คอีกครั้งเป็นคำชี้้แจงถึงการแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวก่อนหน้านี้จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบ ซึ่งคำชี้แจงมีใจความดังนี้้
คำชี้แจงของผม
ข้อวิจารณ์ต่อความเห็นเรื่องเด็กหญิงถูกข่มขืนบนรถไฟ
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 ผมได้ post ว่า
บทเรียนเด็กหญิงถูกข่มขืนบนรถไฟ
1 เหนคนร้ายจ้องมองเดกแต่แรก ญาติก็ต้องระวังหนักแล้ว
2 คนร้ายแสร้งทำลืมหมวกไว้กลับมาใหม่ ยิ่งต้องฉุกคิด
3 ประมาทให้น้องนอนล่าง น่าจะนอนข้างบน ปลอดภัยกว่า
4 ขนาดข่มขืนตรงที่นอนนั้น และคนร้ายเปิดหน้าต่าง เพื่อให้เสียงรถไฟกลบเสียง ญาติที่เป็นผู้ใหญ่ 2 คนกับเด็ก 1 คนก็ยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง
5 กรณีเด็ก/หญิง แม้แต่เข้าห้องน้ำ ก็ควรมีเพื่อนไปเพื่อความปลอดภัย
ปล พวกคนดี/celeb post เอาหน้าเหนใจน้องใหญ่แล้ว
มีคนอ่านแล้วเข้าใจในแง่ลบ ผมจึงขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้ครับ:
1 ผมไม่เคยตำหนิผู้ตาย พี่สาวเขาเองก็ยอมรับในความประมาทว่า "พี่ขอโทษที่ดูแลไม่ได้เลย พี่เป็นพี่ที่แย่มาก พี่ขอโทษจริง ๆ"
2 ในสังคมอันตรายนี้ อย่าลืมว่าตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้าต่อไปใครเจอเหตุการณ์ที่คนร้ายจ้องเขม็งตั้งแต่แรก วนเวียนไปมา มีกลิ่นเหล้าตามข่าว เราควรให้น้องนอนเตียงบน หรือพี่นอนคู่กับน้องที่เตียงล่าง (หลายปีก่อนตอนโดยสารรถไฟ ภริยากับลูกสาวผมในวัยนี้ก็นอนด้วยกันที่เตียงล่าง) หรือผลัดกันระวัง ขอความช่วยเหลือ เป็นต้น
3 ผมจึงจั่วหัวว่า "บทเรียน" เป็นอุทาหรณ์ ถ้าไม่เชื่อ ยังปฏิบัติแบบเดิม ก็มีโอกาสเกิดซ้ำ
4 ที่ทุกท่านแวะมาที่ www.facebook.com/pornchokchai/posts/715939208461857 ผมขอชมความอนาทรที่มีต่อเด็ก เข้าใจผิดแล้วมาด่าทอก็ไม่เป็นไรครับ แต่ในอีกแง่หนึ่งการแสดงภาวะทางอารมณ์ที่รุนแรง จะไม่ดีต่อสุขภาพตนเองและคนรอบข้างนะครับ
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
1 มีคนถามว่าทำไมไม่ด่าฆาตกร อันนี้ผมพูดเพื่อป้องกันตามหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใช่ต้องมองมุมเดียวกันหมดนะครับ
2. สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรคือ ไม่ควรแพร่รูป ชื่อ-สกุลจริงของเขาและญาตินะครับ จะได้ไม่เป็นรอยด่างในอนาคต
3. ถ้าเป็นพวกเรากับหลานสาวแล้วเจอคนร้ายลักษณะนี้ พวกเราก็คงทำตามที่ผมแนะนำ
4. นี่คือบทเรียนที่น่าเจ็บปวด แต่แม้จะเสียใจขนาดไหนเด็กก็ไม่ฟื้น เราต้องหาทางป้องกันในอนาคตครับ
5. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เรื่องนี้สำคัญมาก เราไม่อาจคุมสภาวะภายนอกได้ดังใจ (แม้สังคมควรมีสวัสดิภาพกว่านี้) เราจึงต้องดูแลตัวเราก่อน นี่คือบทเรียนครับผม
ผมเตือนในฐานะผู้สูงวัยด้วยความปรารถนาดี ผมทราบดีว่าการมาด่าทอ ข่มขู่ ระรานต่างๆ นานายิ่งกว่าผมเป็นฆาตกรเสียเองนั้น ไม่ใช่ความเห็นของคนส่วนใหญ่ สังคมไม่ได้ผิดเพี้ยนเพราะที่เห็นด้วยก็มากมาย เป็นเพียงกระแสของคนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาซ้ำ ๆ ครับผม นี่เป็นกรณีศึกษาที่น่าวิเคราะห์เพื่อสังคมอุดมปัญญาครับผม
ภาคผนวก ตอบคุณบุ๋ม (ปนัดดา)
พูดถึงภาษาไทย คุณบุ๋ม (ปนัดดา) กรุณาบอกว่าผมสะกด "เห็น" ไม่มีไม้ไต่คู้ ใช่ครับ คือผมสะกดอย่างนี้บ่อยๆ ครับ หลายท่านอาจไม่คุ้นเคย อาจไม่ทราบว่าในยุคหนึ่ง เราไม่ได้ใช้ไม้ไต่คู้เพื่อตัดความรุงรังของภาษา อย่างเพชรบุรี เมื่อก่อนก็มีไม้ไต่คู้ แต่หลายคำก็นำกลับมาใช้ใหม่ เลยอยากให้คนเห็นน่ะครับ ขอบคุณที่สังเกตครับ
หมายเหตุ
ภาพที่สื่อเอาภาพผมมาลงนั้น พอดีแทบทุกรูปใน FB ของผมมีแต่ภาพยิ้มตลอดครับ ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ผมไม่ได้ยิ้มในสถานการณ์นี้นะครับ นี่เป็นโทษของการไม่มีรูปไม่ยิ้มครับ