2สภาวิชาชีพสื่อจ่อตั้งกก.อิสระตรวจสอบข้อมูลบ.เกษตรรายใหญ่

2 สภาวิชาชีพสื่อเตรียมตั้งกรรมการอิสระ ตรวจสอบข้อมูล ของ บ.เกษตรรายใหญ่

หลังจากที่มีการเผยแพร่เอกสารฝ่ายPR ธุรกิจยักษ์ใหญ่  ที่มีรายละเอียดในการจ่ายเงินให้กับสื่อ เอ็นจีโอ และนักวิชาการมาก่อนหน้านี้   ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นการบันทึกโดยผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีการดำเนินธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และจากการตรวจสอบของเบื้องต้น ของศูนย์ข้อมูล & ข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ ) ก็พบว่า ข้อมูลภายในทั้งหมดมีเนื้อหาเกี่ยวกับรายงานการทำงานในหน้าที่ การแก้ข่าว การติดตามลบกระทู้เชิงลบในเว็บพันทิป / เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ และอื่นๆ มีรายชื่อนักข่าวและตัวเลขการจ่ายเงินสื่อมวลชน 19 ราย ตลอดจนความเห็นต่อตัวนักข่าวและพูดถึงกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดนักข่าว นอกจากนี้ ยังมีรายงานการเขียนบทความตอบโต้ประเด็นข่าวเชิงลบในสถานการณ์ต่างๆ เช่น กรณีไข่แพง ราคาสุกรตกต่ำ เป็นต้น โดยเอกสารภายในระบุการจัดการด้วยวิธีใช้ชื่อนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้บทความมีความน่าเชื่อถือ มีการจ่ายค่าตอบแทน และการใช้นามแฝงให้เป็นเสมือนหนึ่งข้อเขียนของ Third Party หรือบุคคลภายนอกอื่น รวมไปถึงการจัดม็อบเกษตรกรปลอม เพื่อมาเชียร์บริษัทในคราวที่มีเกษตรกรจริงมาประท้วงหน้าบริษัท

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนของสภาวิชาชีพของ 2 องค์กรสื่อ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยได้มีการหารือกัน และเตรียมออกแถลงการณ์ต่อกรณีนี้และรวมไปถึงการตั้งกรรมการอิสระขึ้นเพื่อทำการตวรสอบในเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด

 

ความคืบหน้าล่าสุด นายจักร์กฤษ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติเปิดเผยว่าจากกรณีที่มีการรายงานข่าวและเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งได้จัดงบประมาณประชาสัมพันธ์เพื่อจ่ายให้กับสื่อมวลชนใช้นําเสนอและแก้ไขข่าวนั้น ส่วนตัวได้ตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็น คือ

1.วิธีการจัดการพีอาร์ถือเป็นเรื่องปกติซึ่งสังคมวงกว้างอาจไม่รับทราบ

2.การระบุชื่อถึงผู้สื่อข่าวและหน้าที่รับผิดชอบในหนังสือพิมพ์สองฉบับ พร้อมที่อยู่ซึ่งถือเป็นข้อมูลส่วนตัว
ต้องทําแบบนั้นเพื่ออะไร และ 3.กรณีอ้างว่ามีการจ่ายเงินให้กับสื่ออาวุโสเพื่อเป็นค่าโฆษณาคิดได้ 2 แบบ คือ

1.จ่ายเพื่อเป็นค่าโฆษณาตามปกติแต่ถูกขึ้นชื่อไว้เป็นผู้รับหรือใช้ถ้อยคําจนอาจมองได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และ

2.หากมีการจ่ายเป็นการส่วนตัวให้กับบุคคลที่มีรายชื่อจริง ถือว่าไม่ถูกต้อง