จาก MH370 ถึง MH17 โศกนาฎกรรม 2 ครั้งซ้อนสายการมาเลเซียแอร์ไลน์

จาก MH370 ถึง MH17 โศกนาฎกรรม 2 ครั้งซ้อนสายการมาเลเซียแอร์ไลน์ ชาวโลกโยงอาถรรพ์เลข 7

จากเหตุการณ์เครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 เส้นทางอัมสเตอร์ดัม-กัวลาลัมเปอร์ หลังจากเครื่องบินได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปยังจุดหมายปลายทางมาเลเซีย ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงมีการรายงานข่าวว่าเครื่องบินสายการบินมาเลเซียตกบริเวณบริเวณประเทศยูเครน-รัสเซีย ต่อมามีการยืนยันว่าเป็นสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์จริง และเป็นเที่ยวบิน MH17 เมื่อช่วงเวลา 23.00 น.ตามเวลาประเทศไทย จากนั้นสื่อเริ่มรายงานข่าวเครื่องบินตก ตามมาด้วยข้อมูลเหตุใดเครื่องบินสายการบินมาเลเซียจึงโหม่งโลกตายยกลำ 

ไม่นานข้อมูลได้ปรากฎต่อชาวโลก เครื่องบินเที่ยวบิน MH17 ตกเพราะถูกยิงจากขีปนาวุธจากกลุ่มก่อการร้ายไม่ทราบฝ่าย ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 298 ศพและในมีนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ที่กำลังจะเดินทางไปประชุมเอดส์นานาชาติที่ประเทศออสเตรเลีย

รายงานบางสื่อระบุว่าเหตุก่อการร้ายครั้งนี้ เที่ยวบิน MH17 อาจจะเป็นแค่เหยื่อของความขัดแย้ง มีการตั้งข้อสังเกตว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ ของ มาเลเซีย แอร์ไลน์ มีลักษณะคล้ายกับเครื่องบินอิลยูชิน IL-96-300 พียู ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีรัสเซีย "วลาดิเมียร์ ปูติน" ไม่ว่าจะเป็นขนาดรูปร่างหรือแถบสีรอบตัวเครื่องบินมีความคล้ายกันเป็นอย่างมาก

เรียกว่าเขย่าขวัญคนทั้งโลกกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เพราะย้อนไปเมื่อ 4 เดือนก่อน วันที่ 8 มีนาคม 2557 ได้เกิดเหตุโศกนาฎกรรมขึ้นกับสายการบินนี้ เที่ยวบิน MH370 กัวลาลัมเปอร์- ปักกิ่ง เครื่องบินหายไปจากเรดาร์อย่างปริศนาและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงความเห็นว่าเครื่องได้ตกในมหาสมุทรอินเดีย แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่เจอแม้กระทั่งซากของเครื่องบินเที่ยวบินมรณะ MH370 ว่าอยู่ตรงไหน มีเพียงลมหายใจของญาติที่รอคงต้องเฝ้าติดตามเท่านั้น 

เลข 7 ตัวเลขที่ถูกมาโยงเข้ากับสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ จากลำดับเหตุการณ์เที่ยวบิน MH17 เกิดโศกนาฎกรรมในวันที่ 17 เดือน 7 (กรกฎาคม) และข้อมูลได้เปิดเผยว่าเที่ยวบิน MH17 เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 777 ได้ทำการบินวันแรกเมื่อวันที่ 17/7/1997 และเที่ยวบินสุดท้ายคือวันที่ 17/7/2014 รวมชั่วโมงบิน 17 ปี  

และ เลข 7 ยังได้ปรากฎอยู่ในเที่ยวบินมรณะ MH370  อีกด้วย กลายเป็นความบังเอิญที่น่าสนใจมากจนชาวโลกนำไปร่ำลือวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของอาถรรพ์ทีไม่มีคำตอบเป็นเพียงความเชื่อ 

ในโลกของความเป็นจริงต้องตามหาสาเหตุกันต่อไป